สีสัน@บึงบอระเพ็ด ธรรมชาติจะเยียวยาทุกสิ่ง

ก่อนที่การระบาดของโควิด-19 จะตรึงโลกใบนี้ให้อยู่ในสภาวะเกือบหยุดนิ่ง ธรรมชาติและนกนานาชนิดคือความเคลื่อนไหวอันงดงาม ที่สัมผัสได้ ณ บึงบอระเพ็ด
หากกล่าวถึงแหล่งเก็บกักน้ำจืดและแหล่งประมงที่สำคัญในภาคกลางของไทย บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ก็จะถูกเอ่ยถึงเป็นอันดับแรก ด้วยเพราะในอดีตเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เนื้อที่ประมาณ 2.75 ล้านไร่ หรือ 4,400 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าจังหวัดอยุธยาถึง 2.5 เท่า ทำหน้าที่ช่วยเก็บกักน้ำฝนจากเทือกเขาในภาคเหนือ ไหลตามแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ก่อนจะรวมตัวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา หล่อเลี้ยงคนไทยและอู่ข้าวอู่น้ำในภาคกลางมานานแสนนาน
นอกจากเก็บน้ำแล้ว บึงบอระเพ็ดยังเป็นแหล่งทำประมงที่สำคัญมาก โดยมีรายงานผลผลิตทางการประมงมากถึง 4,000 ตันต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงระบบนิเวศอันสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ำและปลาแล้ว บึงบอระเพ็ดยังมีรายงานพบนกในธรรมชาติมากกว่า 250 ชนิด แถมยังทำหน้าที่เป็นหน้าด่าน คอยต้อนรับผู้มาเยือนในช่วงฤดูหนาวจำนวนมหาศาล อันได้แก่ นกอพยพชนิดต่าง ๆ ซึ่งมาอาศัย พักพิง หากิน โดยใช้ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นตัวขับเคลื่อน
โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคม - เดือนมีนาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงที่ดีควรค่าแก่การไปชื่นชมธรรมชาติ ณ บึงบอระเพ็ดเป็นอย่างยิ่ง เพราะปริมาณน้ำพอสมควร พืชไม้น้ำไม่รก ทางเดินเรือก็สะดวก ดอกบัวเริ่มบาน และนกเป็ดน้ำมารวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าไปสัมผัสถึงวิถีชีวิตและชื่นชมความงามตามธรรมชาติเหล่านี้อย่างจุใจ
เริ่มต้นจากจ้างเรือนำเที่ยวที่ปลอดภัยสักลำ ซึ่งมีที่นั่ง มีหลังคาบังแดด มีชูชีพ มีเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้บริการ มีคนขับเรือที่ชำนาญเส้นทาง รู้จักพืช รวมถึงนกชนิดต่างๆ และสำคัญมากที่ต้องเข้าห้องน้ำบนฝั่งให้เรียบร้อย เพราะเรือนำเที่ยวเกือบทั้งหมดไม่มีห้องน้ำให้บริการบนเรือ
ส่วนราคาจ้างเหมาเรือก็ตามแต่ตกลงเป็นจำนวนชั่วโมง ปกติชั่วโมงละ 500 บาท แนะนำว่าควรล่องเรือชมธรรมชาติอย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไปจะได้คุ้มที่เดินทางมาทั้งที ถ้ามากันหลายคน เมื่อหารเฉลี่ยค่าใช้จ่ายออกมาก็น่าจะไม่มากนัก และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกเดินทางได้เลย โดยเริ่มต้นที่อุทยานนกน้ำบึงบอระเพ็ด จากนั้นก็ลัดเลาะตามร่องน้ำซึ่งใช้ทำข้าวนาปรัง โดยอาศัยน้ำจากบึงบอระเพ็ด ช่วงไถนาพลิกหน้าดินใหม่ ๆ ก็มักจะมี นกช้อนหอยดำเหลือบ ฝูงใหญ่มาเดินท่อมๆ หากินใบผืนนาอยู่เสมอ
นกช้อนหอยดำเหลือบ หาได้ยากในประเทศไทย แต่ในช่วงฤดูหนาวจะอพยพมาอาศัยบึงบอระเพ็ดเป็นประจำทุกปี นกจะใช้ปากโค้งยาวอันเป็นที่มาของชื่อ ‘นกช้อนหอย’ เดินคุ้ยเขี่ย พลิกดินหากิน ลูกกุ้ง ลูกปู หอยโข่ง และหอยเชอรี่ ซึ่งช่วยชาวนาประหยัดค่ายาค่าปุ๋ยได้เป็นอย่างดี และเป็น “การบริการกำจัดศัตรูพืชฟรีจากธรรมชาติ” ขอเพียงแต่ไม่ล่านกเหล่านี้เป็นอาหารเช่นในอดีต
นกอีโก้ง
มุ่งหน้าต่อไปสู่ทะเลบัวแดงหรือบัวสาย ที่สามารถนำสายบัวมาทำอาหารได้ ฝูงนกอีโก้งก็ออกมาอวดสีสัน ต้อนรับคณะผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร ด้วยลำตัวสีฟ้า ตัดกับจะงอยปากสีแดงสด หัวสีเขม่าและหลังปีกสีม่วงอ่อน สร้างความสดชื่นและตื่นตาตื่นใจให้ไม่น้อย พร้อมเดียวกันนี้ยังมี นกกระแตแต้แวด ที่มักออกมาแสดงตัวให้เห็นอย่างใกล้ชิดด้วย
พอเข้าสู่พื้นที่น้ำอันกว้างใหญ่ของบึงบอระเพ็ด ก็จะได้พบกันฝูงนกกาน้ำปากยาวนับร้อยนับพัน ที่รวมตัวกันล่าปลากินเป็นอาหาร ด้วยลำตัวสีดำปลอด ปากยาวสมชื่อ ปลายจะงอยปากงุ้มคล้ายตะขอ หนังใต้คางสีเหลือง และม่านตาสีเขียวสด นกเหล่านี้บินก็ได้ มุดน้ำก็ได้ ปีนต้นไม้ก็ได้ เก่งสารพัดไปหมด เสียอย่างเดียว ขนนกชนิดนี้กันน้ำไม่ได้ พอล่าปลาเสร็จจนอิ่มท้อง ก็ต้องหากิ่งไม้เกาะกางปีกตากแดด เพื่อให้ขนแห้ง จึงจะบินต่อไปได้
ในท้องน้ำเดียวกันก็มีฝูงนกเป็ดแดงนับพันอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งในช่วงกลางวันมักเกาะนอนพัก แต่งขนรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ แต่พอตกกลางคืนก็จะออกไปหากินตามพื้นที่นารอบๆ บึงบอระเพ็ด โดยเรามักจะได้เสียงเหมือนคนผิวปากเป็นจำนวนมากอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งช่วยชาวนากำจัดศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี
เป็ดแดง เป็นนกเป็ดน้ำประจำถิ่นหนึ่งใน 4 ชนิดของไทย ที่เรารู้จักเป็นอย่างดีเพราะมีจำนวนมาก พบได้ทุกภาคของไทย แถมในอดีตยังถูกล่าเป็นอาหารป่าตามฤดูกาลอีกด้วย แต่ในปัจจุบันถูกคุ้มครองด้วยพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เพราะฉะนั้นการล่าหรือการเลี้ยงเป็ดแดง จึงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
หากจะส่องดูไปในฝูงนกเป็ดแดงโดยละเอียด ก็จะพบว่ามีฝูงนกเป็ดลาย ซึ่งเป็นอพยพมาในฤดูหนาวคราละหลายๆ พันตัวเช่นกัน โดยขนลำตัวจะเป็นสีขาวและมีลายกระจายโดยทั่วไป แถมขนาดก็เล็กกว่า ส่วน นกเป็ดแดง ลำตัวจะคล้ายสีดินลูกรัง ออกแดงๆ โดยมีตัดสีดำบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเกาะนิ่งๆ บนสันดินที่โผล่พ้นน้ำ สีสันก็แทบจะกลมกลืนกับภูมิประเทศ
เป็ดหัวดำ
นอกจาก ‘เป็ดลาย’ ก็ยังมีนกเป็ดน้ำที่น่าสนใจอีกหลายชนิด เช่น 'เป็ดหางแหลม' 'เป็ดปีกเขียว' 'เป็ดพม่า' 'เป็ดปากพลั่ว' 'เป็ดดำหัวสีน้ำตาล' และ 'เป็ดดำหัวดำ' ซึ่งล้วนเป็นนกอพยพมาจากประเทศจีน ที่ห่างไกลจากบ้านเรานับพันกิโลเมตร และมีสถานภาพทางการอนุรักษ์ในระดับโลกที่น่าเป็นห่วงและใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็ดดำหัวดำ เหลือประชากรในธรรมชาติเพียงหลักพันตัวเท่านั้น และกำลังเดินหน้าสู่การสูญพันธุ์อย่างเต็มกำลัง ยังดีที่คนไทยไม่ได้ล่านกเป็ดน้ำกินเป็นอาหารเช่นเมื่อก่อน
นกเป็ดน้ำเหล่านี้จึงได้อาศัยบึงบอระเพ็ดหากินและหลบภัยฤดูหนาวจากประเทศต้นกำเนิดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่พอเข้าช่วงปลายเดือนมีนาคม นกอพยพเหล่านี้ก็จะค่อยๆ กลับไปบ้านเกิดเพื่อทำรังวางไข่สืบเผ่าพันธุ์
ช่วงมื้อเที่ยงแนะนำว่าให้ขึ้นจากเรือนำเที่ยวไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารบริเวณใกล้สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ เพราะรายการอาหารจากปลาท้องถิ่นนั้น ถือว่าเด็ดและถูกปากคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำปลาช่อน ทอดมันปลากราย ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ผัดฉ่าลูกชิ้นปลากราย ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ปลาคังลวกจิ้ม และอีกสรรพรายการที่อร่อยทั้งสิ้น
เมื่อจัดการอาหารกลางวันมื้อโปรดเสร็จสิ้น บางคนก็จะเดินทางต่อไปที่อื่น ส่วนที่ยังติดใจในสีสันของบึงบอระเพ็ด ก็เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย และกลับมาลงเรือท่องธรรมชาติกันต่อ เพราะยังมีสถานที่สวยๆ และมีนกให้ชมอีกเป็นจำนวนมาก รอให้ได้เข้าไปค้นหา ได้แก่ เกาะวัด ซึ่งเป็นแหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญของนกน้ำหลากหลายชนิด เช่น 'นกยางโทนใหญ่' 'นกยางเปีย' 'นกกาน้ำเล็ก' 'นกกาน้ำปากยาว' 'นกปากห่าง' และ 'นกอ้ายงั่ว' ซึ่งในแต่ละปีนกเหล่านี้มารวมตัวกันทำรังวางไข่หลายพันรัง
นกอ้ายงั่ว
ด้วยเพราะเป็นเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากที่พอจะรองรับน้ำหนักของพ่อ-แม่-ลูกนกจำนวนมหาศาลได้ โดยเฉพาะ นกอ้ายงั่ว ซึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน เคยถูกจัดว่าเป็นนกที่ใกล้สูญพันธุ์ไปแล้วจากประเทศไทย และมีนกอพยพจากประเทศกัมพูชาเข้ามาให้คนไทยได้ชื่นชมบ้างประปราย
แต่ในปัจจุบัน ‘นกอ้ายงั่ว’ ได้ยึดบึงบอระเพ็ดเป็นฐานที่มั่นในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ จนกลายเป็นแหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญในระดับประเทศ น่าชื่นใจจากการร่วมไม้ร่วมมือของคนไทยที่ไม่ล่า จนได้ปลด ‘นกอ้ายงั่ว’ ออกfileจากรายชื่อนกที่ใกล้สูญพันธุ์
นกอ้ายงั่ว เป็นนกขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะพิเศษ เพราะมีลำคอที่ยาวมาก จะงอยปากก็แหลมคม ดำน้ำ - มุดน้ำเก่ง ขยันหาปลาเป็นอาหารได้ตลอดทั้งวัน พออิ่มก็จะขึ้นมาเกาะกิ่งไม้ กางปีกทั้งสองข้างตากแดดเพื่อให้ขนแห้ง ด้วยเพราะขนไม่มีไขมันเคลือบกันน้ำ พอปีกแห้งจึงไปต่อได้ ช่วงอยู่ในน้ำมักชูคอ ขึ้นๆ - ลงๆ หันซ้าย - หันขวา ระแวดระวังอันตรายรอบข้างเสมอ สมชื่อ ‘นกคองู หรือ นกงู’ ในภาษาถิ่น สีสันลำตัวก็สวยงามเพราะก้านขนเป็นสีเงิน ตัดกับขนปีกและลำตัวสีดำ มองจากทางด้านหลังเหมือนผู้หญิงที่สวมชุดราตรีกรุยกราย
ตอนบ่ายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องเรือ ชมนกเป็ดน้ำชนิดต่างๆ อีกครั้ง เพราะเป็ดส่วนใหญ่มักจะนอนพักผ่อน เปิดโอกาสให้เข้าใกล้ได้ง่าย จนเห็นรายละเอียดสีสัน ลวดลายอันสวยงามด้วยตาเปล่า โดไม่ต้องผ่านกล้องสองตาหรือกล้องถ่ายภาพด้วยซ้ำ
และในที่เดียวกันก็จะมีฝูง นกตีนเทียน ที่น่ารักสดใสรวมอยู่ด้วย เพราะมีขายาวดั่งลำเทียนสีแดงอมชมพู อันเป็นที่มาของชื่อ ลำตัวและหัวสีขาว แต่ปีกและจะงอยปากสีดำ ม่านตาสีแดง ถือเป็นนกประจำถิ่น ที่มีสีสันฉูดฉาดมากชนิดหนึ่ง
พอตกเย็นขอแนะนำให้ไปที่ แหลมตาเส็ง เพื่อรอดูเหล่านกนับหมื่นรวมตัวกันเข้านอน เช่น นกกาน้ำ นกปากห่าง นกช้อนหอยดำเหลือบ นกอ้ายงั่ว นกยางโทนใหญ่ นกยางเปีย นกเอี้ยงสาลิกา นกเอี้ยงด่าง นกแซงแซวหางปลา และก่อนเข้านอน นกกาน้ำจะบินร่อนลงจากต้นไม้เพื่อมาจิบน้ำกลางอากาศ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมากในประเทศไทย และพอเย็นใกล้มืด เหล่านกช้อนหอยดำเหลือบนับพัน ที่หากินในพื้นที่รอบๆ บึงบอระเพ็ดและจังหวัดใกล้เคียง ก็จะบินเรียงรายเป็นระเบียบ ตัดผ่านพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าสีสวยแดงดั่งทับทิม เพื่อกลับมานอนด้วยเช่นกัน
นกช้อนหอยดำเหลือบยามเย็น
เป็นที่น่าเสียดายที่บึงบอระเพ็ดซึ่งงดงามในยามนี้ กำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากปัญหาบุกรุกพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรม และการขยายตัวของเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น นาข้าว นาบัว บ่อปลา สวนผลไม้ สร้างเมือง ส่วนราชการเข้ามาจับจองพื้นที่ ฯลฯ พื้นที่เดิมของบึงบอระเพ็ดจึงลดลงเรื่อยๆ จาก 79,451 ไร่ ในปี พ.ศ. 2544 ลดลงเหลือ 40,838 ไร่ ในปี พ.ศ.2552 และลดลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่านกและสัตว์ในในบึงบอระเพ็ดจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ถ้าคนไทยไม่ช่วยกันถนอมรักษาบึงบอระเพ็ด พื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญระดับโลก และแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของไทยแห่งนี้ไว้ อีกไม่เกิน 20 ปี ‘บึงบอระเพ็ด’ อาจจะเหลือแค่เพียงชื่อและความทรงจำของคนรุ่นปัจจุบันเท่านั้น...







