ส่อง 'โรงพยาบาลสนาม' ทั่วโลก

ส่อง 'โรงพยาบาลสนาม' ทั่วโลก

เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจนเกินศักยภาพของโรงพยาบาล แต่ละประเทศดัดแปลงพื้นที่ไหนเป็นที่พักตั้งรับ ‘โควิด-19’ กันบ้าง

 

สวนสาธารณะ ศูนย์ประชุมและศูนย์กีฬาทั่วโลก ถูกเปลี่ยนเป็นที่พักตั้งรับ ‘โควิด-19’

เป็นเวลากว่า 3 เดือนที่โคโรนาไวรัสได้ย่างกรายเข้ามาในชีวิตของมนุษยชาติ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคนไปแล้ว โดยมีสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในชาร์ต

บุคลากรในระบบดูแลสุขภาพทั่วโลกกลายเป็นแนวหน้าที่ต้องต่อสู้รับมือกับโรคระบาด รัฐบาลทั่วโลกวางมาตรการป้องกันแก้ไขมากมาย ทั้งยังต้องปรับเปลี่ยนไม่เว้นแต่ละวันให้เข้ากับสถานการณ์ที่ประเมินได้ยาก หากติดตามข่าวสารกันอย่างใกล้ชิด น่าจะพอทราบกันอยู่ว่าเงื่อนไขสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทุกประเทศต้องการควบคุมและชะลออัตราการระบาดให้ได้มากที่สุดนั้นเป็นเพราะปริมาณเตียงที่ใช้รองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลไม่มีทางเพียงพอ

การสร้างและเตรียมพร้อม ‘โรงพยาบาลสนาม’ เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวด

รัฐบาลจีนใช้เวลาเพียง 10 วันก่อสร้างโรงพยาบาลฉุกเฉินขนาดใหญ่ 2 แห่งขึ้นมาควบคุมสถานการณ์ แต่ไม่ใช่ทุกประเทศสามารถทำได้อย่างจีน 

มหานครนิวยอร์ก ที่ตอนนี้เป็นศูนย์กลางการระบาดในอเมริกาได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นที่ ศูนย์ประชุมเจคอบ เค. จาวิตซ์ (Jacob K. Javits Convention Center) ย่านแมนฮัตตัน เป็นเต็นท์สีขาวขนาดใหญ่บริเวณฝั่งตะวันออกของเซ็นทรัล พาร์ค (Central Park) และ ศูนย์กีฬาเทนนิสแห่งชาติ ‘บิลลี่ จีน คิง (Billie Jean King National Tennis Center) สถานที่จัดการแข่งขันเทนนิสยูเอสโอเพ่น แกรนด์สแลมและเป็นศูนย์แข่งขันเทนนิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถูกปรับให้เป็นโรงพยาบาลสนาม ความจุอย่างน้อย 350 เตียง

เรือโรงพยาบาล ‘ยูเอสเอ็นเอส เมอร์ซี่’ (USNS Mercy) และ 'ยูเอสเอ็นเอส คอมฟอร์ท' (USNS Comfort) ทั้ง 2 ลำ มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยได้ลำละ 1,000 เตียง ได้เดินทางจากฐานทัพเวอร์จิเนียมายังนิวยอร์กเพื่อเตรียมความพร้อมเช่นกัน

ขณะที่ ลอนดอน ปรับพื้นที่ ศูนย์จัดแสดงเอ็กซ์เซล (Excel exhibition centre) เป็นสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อบรรจุเตียงได้ 4,000 เตียง ตั้งชื่อว่า ‘เอ็นเอชเอส ไนทิงเกล ฮอสพิทอล ลอนดอน’ (NHS Nightingale Hospital London) พร้อมเปิดรับอาสาสมัครลูกเรือจาก 2 สายการบินใหญ่แห่งสหราชอาณาจักรมาช่วยดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม

c1_3573735 ภาพ: AFP

ปากีสถาน ใช้ศูนย์จัดแสดงสินค้าในเมืองลาฮอร์ทางตะวันออกไว้รองรับผู้ป่วย ขณะที่ รัสเซีย เดินหน้าสร้างโรงพยาบาลชั่วคราวรักษาโควิด-19 แห่งแรก ตั้งห่างจากกรุงมอสโควไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 60 กิโลเมตร ความจุเตียงผู้ป่วย 500 เตียง

 

Sao Paulo, Brazil ภาพ: Andre Penner/AP

บราซิล ปรับพื้นที่สนามฟุตบอลและสถานที่จัดคอนเสิร์ต ‘Pacaembu’ ชื่อดังในเมืองเซา บรรจุเตียงผู้ป่วยได้ 200 เตียง

 

สำหรับประเทศไทย โรงพยาบาลสนามแห่งแรกที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการอยู่ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต โดยดัดแปลงหอพักอาคารดีลักซ์ (DLUXX) ซึ่งเดิมเคยเป็นห้องพักที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับนักกีฬาเอเชียนเกมส์ มีความสูง 14 ชั้น จำนวน 308 ห้อง และ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โรงพยาบาลแห่งใหม่ล่าสุดของสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีศักยภาพรองรับได้ถึง 294 เตียง

เป้าหมายของโรงพยาบาลสนามในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องกักตัวเพื่อดูอาการอีกอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลวชิระที่เป็นศูนย์รองรับผู้ป่วยหนักโควิด-19 มีเตียงผู้ป่วยว่าง สามารถรองรับผู้ป่วยรายใหม่ต่อไปได้

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน และโรงแรมทั่วประเทศยื่นขอเป็นโรงพยาบาลสนาม มีสถานประกอบการโรงแรมยื่นเรื่องเข้ามาจำนวนกว่า 100 แห่ง จาก 24 จังหวัด รวมประมาณ 16,000 เตียง มากสุดในกรุงเทพมหานครรวม 10,000 เตียง

ทั้งนี้มีหลักเกณฑ์ 5 ข้อสำหรับการรับผู้ป่วยเข้าพักในโรงพยาบาลสนาม คือ 1.ผู้ป่วยต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน และมีผลภาพถ่ายรังสีปอดคงที่ 2. ผู้ป่วยยินดีให้ความร่วมมือ สามารถดูแลตนเองได้ดีในเบื้องต้น ไม่ก้าวร้าวและไม่มีความเสี่ยงทางจิตเวช 3.ผู้ป่วยต้องไม่มีไข้หรือโรคประจำตัว 4. ผู้ป่วยต้องมียามาจากโรงพยาบาลเดิมครบตามแผนการรักษา และ 5. โรงพยาบาลต้นทางยินดีรับผู้ป่วยกลับไปรักษา หากอาการเปลี่ยนแปลง 

โรงพยาบาลสนามทุกห้องต้องมีเครื่องมือทางการแพทย์อย่างน้อย 2 ชิ้น ได้แก่ เทอร์โมมิเตอร์แบบอัตโนมัติและเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว

แม้มีจำนวนโรงพยาบาลสนามเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยมากขึ้นในประเทศไทย แต่ต้องไม่ลืมว่า เวชภัณฑ์การแพทย์ยังคงขาดแคลนอย่างหนัก และกำลังของบุคลากรการแพทย์ที่มีน้อยอยู่แล้ว กำลังเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างหนักมาอย่างต่อเนื่อง

มาตรการต่างๆ ที่ประกาศออกมาจะไม่มีประโยชน์เลยหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ การท้าทายอำนาจรัฐในสถานการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมโลกจึงไม่ใช่เรื่องน่าล้อเล่น