‘อัมสเตอร์ดัม’ สวรรค์ที่(อาจ)หายไป เมื่อ ‘กัญชา’- ‘เซ็กซ์’ ไม่เสรี

‘อัมสเตอร์ดัม’ สวรรค์ที่(อาจ)หายไป เมื่อ ‘กัญชา’- ‘เซ็กซ์’ ไม่เสรี

แม้กัญชาขจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้อัมสเตอร์ดัม แต่การรักษาวัฒนธรรมและความสวยงามของเมืองไว้ก็เป็นสำคัญไม่แพ้กัน

 

นี่อาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อซื้อและเสพกัญชา เพราะที่นั่นเปิดให้มีการซื้อขายและเสพกัญชาอย่างเสรี เมื่อเร็วๆ นี้ เฟมเก ฮัลชิมา นายกเทศมนตรีหญิงของอัมสเตอร์ดัมเสนอไอเดียให้ทางการออกมาตรการและข้อจำกัดในเรื่องกัญชาเสรี ซึ่งอาจนำมาสู่การยกเลิกกัญชาเสรีในเมืองของเธอก็เป็นได้

เมื่อเอ่ยถึงอัมสเตอร์ดัม คงไม่ปฏิเสธว่า แว่บแรกนักท่องเที่ยวจะต้องนึกถึงว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งกัญชาเสรี’ ที่หลายคนอยากให้ไทยเดินตามรอย หลังทางการไทยเปิดให้มีการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ได้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

นอกจากนี้ เมื่อพิมพ์คำว่า ‘อัมสเตอร์ดัม’ ในกูเกิลไม่ว่าภาษาไทยหรืออังกฤษก็จะต้องมีคำว่า ‘กัญชา’ พ่วงมาด้วยหลายพันเว็บไซต์ 

 

3 (7)

เฟมเก ฮัลชิมา 

ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อและเสพกัญชาได้อย่างเสรีในคาเฟ่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น คาเฟ่เหล่านี้ตั้งอยู่ในที่สาธารณะและมีอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้อัมสเตอร์ดัมยังมีตู้หยอดเหรียญสำหรับกัญชาโดยเฉพาะด้วย ทางการไม่ปฏิเสธว่า กัญชานำรายได้มาให้เมืองอย่างมหาศาล

นอกจากกัญชาแล้ว เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งเซ็กส์เสรี’ การค้าโสเภณีเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ใจกลางเมืองหลวงยังมีย่าน ‘โคมแดง’ ซึ่งประกอบด้วยร้านเซ็กส์ช็อปและ ‘ตู้แดง’ ที่มีสาวๆ นั่งเชิญชวนลูกค้าอย่างเสรีด้วย

ฮัลชิมา นายกเทศมนตรีหญิงคนนี้เข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง เธอสั่งให้ทำแบบสำรวจเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 โดยมีนักท่องเที่ยวอายุ 18-35 ปี จำนวน 1,100 คน เป็นผู้ตอบแบบสอบ 

เมื่อถามว่า ทำไมถึงเลือกเดินทางมาที่อัมสเตอร์ดัม นักท่องเที่ยวประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า เหตุผลหลักของพวกเขาคือ ต้องการมาที่กัญชาคาเฟ่ แบบสอบถามยังถามลึกลงไปอีกว่า นักท่องเที่ยวยังจะมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมอยู่ไหม หากมีอะไรบางอย่างลดน้อยลงหรือหายไป นักท่องเที่ยวจำนวน 34 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า “พวกเขาคงมาที่เมืองนี้น้อยลงถ้าไม่สามารถไปกัญชาคาเฟ่ได้” ส่วนอีก 11 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า “จะไม่มาอีกเลย” และหากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าไปในเขตวอลเลนหรือซินเกลของย่านโคมแดง นักท่องเที่ยว 32 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า “จะหยุดมาอัมสเตอร์ดัม” ส่วนอีก 11 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า “จะมาน้อยลง”

 

2 (7)

 

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทางการอัมสเตอร์ดัมพยายามหาทางจัดการกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปและยังทำตัวไม่ดีอีกด้วย นายกเทศมตรีฮัลชิมาจึงได้ออกมาตรการใหม่โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 เมษายน 2563 เช่น ห้ามไกด์พานักท่องเที่ยวเดินผ่านตู้แดงหรือไปยืนจ้องสาวๆ หลัง 4 ทุ่ม หากไกด์ทำผิดข้อห้ามนี้ จะถูกปรับ 205 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6,150 บาทเลยทีเดียว

แต่เมื่อเทียบกันระหว่างกัญชากับย่านโคมแดง กัญชาได้รับความนิยมมากกว่าเพราะนักท่องเที่ยว 72 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า “มาที่อัมสเตอร์ดัมเพราะเรื่องกัญชา” ส่วน 1เปอร์เซ็นต์ มาเพราะย่านโคมแดง

เมื่อทราบผลสำรวจ นายกเทศมนตรีฮัลชิมาเขียนจดหมายถึงสมาชิกสภาเทศมนตรี พร้อมแนบผลสำรวจไปด้วย ในจดหมายเธอเขียนว่า ทางการของเมืองควรมุ่งเป้าหมายไปที่การลดการใช้กัญชาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่เมืองและทำให้ตลาดกัญชาโปร่งใสกว่านี้ เธอยังเขียนต่ออีกว่า จุดสนใจของนักท่องเที่ยวไม่ได้มีแต่กัญชาและย่านโคมแดงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การเดินและขี่จักรยานรอบๆ เมือง

 

1

 

อาลัน เคลย์ดอน นักท่องเที่ยวจากเกาะอังกฤษวัย 24 ปีกล่าวว่า เขาไม่คิดว่า การจำกัดการเข้ากัญชาคาเฟ่หรือการยกเลิกกัญชาเสรีจะทำให้ นักท่องเที่ยวสนใจอัมสเตอร์ดัมน้อยลงเพราะเมืองนี้ยังมีสถานที่ๆ น่าสนใจอีกมาก ส่วนข้อเสนอเรื่องจำกัดให้เฉพาะชาวเมืองอัมสเตอร์ดัมเท่านั้นที่สามารถซื้อขายกัญชาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่

แบบสอบถามของนายกเทศมนตรีฮัลชิมาชี้ว่า การห้ามไม่ให้คนที่ไม่ใช่ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัมเข้าคาเฟ่กัญชาอาจไม่มีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดหรือการเสพลดลง เพราะนักท่องเที่ยว 29 เปอร์เซ็นต์ ตอบแบบสอบถามว่า “หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะใช้วิธีอื่น เช่น ขอให้ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นคนซื้อให้แทน”

อิสซาเบล เกอร์เรตเซน ผู้สื่อข่าวซึ่งเติบโตในอัมสเตอร์ดัมกล่าวถึงผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปในเมืองของเธอว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัมต้องการให้รักษาความสวยงามของเมืองไว้และไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวที่ไร้ระเบียบมาที่เมือง เธอให้สัมภาษณ์กับ ซีเอ็นเอ็น แทรเวลว่า "อัมสเตอร์ดัมไม่ควรกลายเป็นสวนสนุกของนักท่องเที่ยวผู้พิสมัยกัญชา" แต่ก็คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากเพราะเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องกัญชา การเปลี่ยนแปลงใดๆ อาจจะมีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดน้อยลง

เราคงต้องมาคอยดูว่า ทางการของเมืองอัมสเตอร์ดัมจะเลือกอะไรระหว่างรายได้มหาศาลจากนักท่องเที่ยวที่นิยมขมชอบกัญชาหรือการรักษาวัฒนธรรมและสถานที่สวยงามของเมืองไว้