แผนที่ชีวิต 'ป้ามหาภัย' แห่งลัทธิ 'ชินชอนจิ' ผู้กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในเกาหลีใต้

เรื่อง(ไม่)ลับของคุณป้าชาวเกาหลีใต้ ‘ผู้ติดเชื้อรายที่ 31’ กับลัทธิที่เชื่อมโยงเมือง 'แทกู' กับ 'อู่ฮั่น' เส้นทางการระบาดที่ทำให้โรค COVID-19 ในเกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ
จาก 1 เป็น 10, จากหลักสิบเป็นหลักร้อย นี่คืออิทธิฤทธิ์ของยอดนักกระจายเชื้อ หรือ ‘Super spreader’ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างคือ 'อาจุมม่า31' คุณป้าชาวเกาหลีใต้ซึ่งเป็น‘ผู้ติดเชื้อรายที่ 31’ ของประเทศ ผู้ซึ่งกลายเป็นบุคคลอันตราย 'คุณป้ามหาภัย' ในโลกโซเชียล
อย่างที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ คุณป้าวัย 61 ปี รายนี้เป็นชาวเมืองแทกู เธอปิดบังอาการป่วยของตนเอง และเคยปฏิเสธการรับการตรวจหาเชื้อ 'ไวรัสโคโรน่า' จากโรงพยาบาลถึง 2 ครั้ง จากนั้นก็เดินทางไปร่วมกิจกรรมตามสถานที่ต่างๆ แถมยังเดินทางข้ามเมือง ใช้บริการรถสาธารณะ จนเป็นเหตุให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 (COVID-19) พุ่งสูงถึง 893 ราย โดยรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (เคซีดีซี) (25 ก.พ.63) ระบุว่า ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 8 ราย ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สู่ระดับ 'สีแดง' ซึ่งเป็นระดับสูงสุดไปแล้ว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้ ยังเปิดเผยด้วยว่า ทางการเกาหลีใต้มีแผนเรียกสมาชิกลัทธิชินชอนจิที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 2 แสนคน เพื่อตรวจสุขภาพค้นหาเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังพบโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองแทกูเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีของเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ 60 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อมโยงกับโบสถ์ลัทธิชินชอนจิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ 'อาจุมม่า31' Super spreader แห่งเกาหลีใต้ได้ไปร่วมพิธีกรรมนั่นเอง
- ไทม์ไลน์เส้นทางกระจายเชื้อ
ตามรายงานระบุว่า คุณป้าผู้ติดเชื้อรายที่ 31 ของเกาหลีใต้ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์หลังประสบอุบัติเหตุทางรถ ขณะอยู่ที่โรงพยาบาลเธอเริ่มมีไข้ แต่ปฏิเสธเข้ารับการทดสอบโคโรน่าไวรัส
หลังจากนั้นเธอเข้ารับการรักษาอีกครั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พบสัญญาณของโรคปอดบวมแต่ยังคงปฏิเสธการตรวจหาเชื้อ โดยอ้างว่าไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา กระทั่งอาการทรุดลงแล้วตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในที่สุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์
เมื่อติดตามเส้นทางการใช้ชีวิตของคุณป้า พบว่า ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาคุณป้ามีโอกาสแพร่เชื้อสู่ผู้คนจำนวนมาก หลังออกจากโรงพยาบาล เธอมีนัดทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ใช้เวลาที่สปาสไตล์เกาหลีแบบจิมจิลบัง (Jimjilbang) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการอาบน้ำนอกบ้านของชาวเกาหลี คล้ายๆ กับ 'ออนเซน' ของญี่ปุ่น ไปห้างสรรพสินค้า ใช้บริการขนส่งมวลชน ไปจนถึงการไปโบสถ์เพื่อร่วมพิธีกรรมของ 'ลัทธิชินชอนจิ' ถึง 2 ครั้ง
การใช้ชีวิตประจำวันในพื้นที่สาธารณะมากๆ ของคุณป้า ทำให้ทางการประมาณการว่ามีผู้เข้าข่ายติดเชื้อจากป้ารายนี้ในช่วงที่ผ่านมาถึง 1,200 คน
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ทางการเกาหลีใต้รายงานพบผู้ป่วยเพียง 31 ราย แต่หลังจากนั้นยอดกลับพุ่งกระฉูดอย่างน่าตกใจ และส่วนใหญ่พบที่ 'เมืองแทกู' เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศที่มีประชากรกว่า 2.5 ล้านคน ห่างจากกรุงโซลประมาณ 300 กิโลเมตร กว่าครึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคริสตจักรชินชอนจิที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณป้าเข้าร่วมพิธีกรรม
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ทางการเกาหลีใต้ประกาศระดับการระบาดของโคโราน่าไวรัสอยู่ในขั้น ‘super-spreading event’ มีคำสั่งให้ประชาชนเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเป็นหลัก
- 'ชินชอนจิ' สัมพันธ์เกาหลี-อู่ฮั่น
'ชินชอนจิ' ในภาษาเกาหลี แปลว่า ‘สวรรค์และดินแดนใหม่’ ลัทธินี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 มีที่ตั้งอยู่ 12 สาขาในเกาหลีใต้ สมาชิกราว 2 แสนคน สำหรับที่เมืองแทกู คาดว่ามีสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 9 พันคน ที่ได้รับคำสั่งให้กักตัวเองอยู่ที่บ้านเพื่อประเมินอาการ
อดีตสมาชิกของโบสถ์ ที่ออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อปลายปี 2018 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Straits Time ว่า พิธีกรรมหลักวันอาทิตย์ภายในโบสถ์ของกลุ่มใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยให้สมาชิกนั่งคุกเข่าบนเบาะห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร และจับมือกับผู้ร่วมพิธีที่อยู่รอบข้าง นอกจากนี้ยังมีห้องเรียนสำหรับศึกษาพระคัมภีร์ในวันธรรมดา จึงไม่ใช่เรื่องยาก...หากจะเกิดการแพร่เชื้อในหมู่สมาชิกประจำโบสถ์
ลัทธิชินชอนจิ ไม่ได้มีสาขาอยู่ในเกาหลีใต้เพียงอย่างเดียว แต่มีสาขาตั้งอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนด้วยเช่นกัน จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของคริสตจักรแห่งนี้ กล่าวว่า คริสตจักรสามารถรวบรวมสมาชิกในเมืองอู่ฮั่นได้ถึง 103,764 คน ภายในระยะเวลาเพียง 10 เดือน ดังนั้นจึงเป็นข้อสงสัยประการหนึ่งถึงความเชื่อมโยงของการแพร่ระบาดในเมืองทั้งสอง
ปัจจุบัน บรรยากาศในเมืองแทกูแทบไม่ต่างจากอู่ฮั่น เมื่อประชาชนต้องอยู่ในบ้านพักของตัวเอง เจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันโรค ใส่หน้ากาก ฉีดพ่นสารเคมีฆ่าเชื้อไปทั่วเมือง เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคให้ได้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ รายงานตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในเกาหลีใต้ของวันที่ 25 ก.พ. 2563 มีจำนวน 60 ราย พบว่า เป็นผู้ติดเชื้อ 16 รายในเมืองแทกู ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ลัทธิชินชอนจิ และอีก 33 รายจากจังหวัดคย็องซังเหนือ ขณะที่กรุงโซล มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 2 ราย ส่วนเมืองปูซานซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 3 ราย







