ทีมพากย์ชั้นครูผู้อยู่เบื้องหลัง The Irishman หนังฟอร์มยักษ์ มาร์ติน สกอร์เซซี
เมื่อนักพากย์ชั้นครูของไทย feat. กับผู้กำกับระดับตำนาน มาร์ติน สกอร์เซซี และ 3 นักแสดงระดับสุดยอดฝีมือของฮอลลีวูด โรเบิร์ต เดอ นีโร, อัล ปาชิโน, โจ เพชชี่ ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง The Irishman แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
The Irishman คนใหญ่ไอริช หนังดรามาแก๊งสเตอร์ฟอร์มยักษ์ ผลงานของผู้กำกับชั้นครู มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ Netflix ทุ่มทุนสร้างประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในเรื่องของผู้ชม และกล่อง
ล่าสุดภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 77 ประจำปี 2020 ถึง 5 รางวัล คือ ผู้กำกับยอดเยี่ยม (มาร์ติน สกอร์เซซี) นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม 2 คน (อัล ปาชีโน, โจ เพสซี่) บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมทั่วโลกก็ทะลุ 26 ล้านบัญชี ภายใน 7 วันแรก โดย Netflix ใช้เกณฑ์การนับจากผู้ที่ชมภาพยนตร์ไปได้ 70% ของเรื่องถึงจะนับเป็น 1 วิว
สำหรับที่เมืองไทยเองนั้น The Irishman คนใหญ่ไอริช ก็ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ทาง Netflix ตั้งใจคัดสรรมาเพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้กับการรับชมความบันเทิงผ่านอินเทอร์เน็ต นั่นคือ ทลายกำแพงภาษาด้วยการพากย์เสียงภาษาไทยให้ได้ฟังกันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม จากปรกติที่คอนเทนต์ต่างประเทศของเน็ตฟลิกซ์จะให้รับชมด้วยเสียงต้นฉบับ แล้วมีซับไทยให้ได้อ่านด้านล่าง
ที่สำคัญ ทีมพากย์มืออาชีพที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นให้มาทำหน้าที่ถ่ายทอดเสียงภาษาไทยของ The Irishman ก็ถือเป็นนักพากย์ ‘ชั้นครู’ ของบ้านเราเช่นกัน นั่นคือ สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล (น้าติ่ง พันธมิตร), โฆษิต กฤษตินันท์ (เล็ก พันธมิตร/อินทรีย์) และ เอกชัย พงศ์สมัย (เอก อินทรีย์) ที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหน้า แต่ต้องคุ้นเสียงของพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อนักพากย์ชั้นครูของไทยมา featuring กับผลงานของผู้กำกับเจ้าพ่อหนังดราม่าอาชญากรรมอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี และทีมนักแสดงระดับบรมครูของฮอลลีวู้ดอย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร, อัล ปาชิโน, โจ เพสซี่ จะเกิดอะไรขึ้น ตามอ่านได้จากบทสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟชิ้นนี้เลย
เริ่มต้นกันที่ จอช เจคอบสัน ผู้จัดการฝ่าย Creative Dubbing-Films, International Dubbing ของ Netflix ได้พูดถึงที่มาที่ไปของการพากย์เสียงภาษาไทย The Irishman ว่าเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องสำคัญของทางเน็ตฟลิกซ์ ผลงานของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี จึงอยากให้ประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญ ได้รับอรรถรสจากการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แบบเต็ม ๆ
ประกอบกับทางเน็ตฟลิกซ์เข้าใจว่าคนไทยชอบดูเวอร์ชั่นเสียงภาษาไทยกันมากกว่าจึงตั้งใจทำงานพากย์ชิ้นนี้อย่างประณีต พิถีพิถัน ตั้งแต่การแปลบทพากย์ไม่ให้เนื้อหาผิดเพี้ยนไปจากบทภาพยนตร์ต้นฉบับ แล้วยังต้องนำมาปรับให้ได้ความสั้นความยาวที่พูดแล้วเข้าปากนักพากย์โดยที่ความหมายไม่ผิดเพี้ยน
นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์ซึ่งร่วมมือกับ กันตนา ซาวด์ สตูดิโอ ในการทำพากย์เสียงครั้งนี้ ยังเฟ้นหานักพากย์ที่นอกจากจะมีเสียงคล้ายคลึงนักแสดงในเรื่องแล้ว พวกเขายังต้องเข้าใจการแสดง สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง ทั้งยังควบคุมการมิกซ์เสียงพากย์ให้ออกมามีคุณภาพไม่ต่างจากเสียงของนักแสดงในภาพยนตร์ต้นฉบับ
และเพื่อทำให้ The Irishman เวอร์ชั่นพากย์ไทยมีคุณภาพไม่ต่างจาก original version ทางเน็ตฟลิกซ์ยังมีการส่งผลงานการพากย์ ไม่เฉพาะเสียงภาษาไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเสียงพากย์ภาษาอิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย ฯลฯ กลับไปให้ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ตรวจสอบ และอนุมัติก่อนด้วย
สุภาพ ไชยวิสุทธิกล หรือ น้าติ่ง พันธมิตร ผู้พากย์เสียง แฟรงก์ ชีแรน (โรเบิร์ต เดอ นีโร) เล่าถึงการทำงานกับทางเน็ตฟลิกซ์ใน The Irishman ให้ฟังว่ามีความแตกต่างจากการพากย์กับที่อื่นตรง 'ความละเอียด' ในการทำงาน
น้าติ่ง กล่าวว่า The Irishman มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง แล้วยังเป็นหนังดรามาที่ใช้อารมณ์เยอะ ดาราที่เล่นก็เป็นระดับออสการ์ มีการแสดงสีหน้า ใช้น้ำเสียงที่แตกต่างกันออกไป เพราะในหนังตัวละครจะมีช่วงอายุ 3 วัย คือ วัย 40, 60 และ 80
โดยในช่วงวัย 40 ถือเป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว ตัวละครก็จะมีอารมณ์ที่หลากหลาย แต่พอสูงวัยขึ้นมาในช่วง 60 ก็จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พอ 80 ก็จะพูดจาช้าลงเพราะผ่านโลกมาเยอะ ซึ่งความยากจะอยู่ตรงนี้ เพราะต้องพากย์เสียงตัวละครที่อยู่ในวัยชราเป็นเสียงบรรยาย แล้วกลับไปพากย์เสียงวัยหนุ่มกว่าในซีนเดียวกัน ทำให้ใช้เวลาเยอะ โดย The Irishman นี่เขาใช้เวลาพากย์นานถึง 12 ชั่วโมง เทียบกับหนังทั่วไปที่ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง หรืออาจจะ 6 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใช้เวลาพากย์นานเป็น 2 เท่าของหนังทั่วไปก็คือ การเฟ้นหาคำที่มีความยาวที่เหมาะสมและมีความหมายที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากบทดั้งเดิม เพราะบทภาษาอังกฤษเมื่อแปลมาเป็นไทยแล้วประโยคจะยาวกว่า แต่นักพากย์ต้องพูดให้ตรงปากนักแสดง จะพูดยาวเกินไปกว่านั้นไม่ได้ จึงต้องปรึกษากับ Director ที่ควบคุมการพากย์ตลอดเวลาเพื่อหาคำที่มีความหมายใกล้เคียงที่สุดมาพากย์ให้ตรงปากนักแสดงเป๊ะ ๆ
ขณะที่ เล็ก-โฆษิต กฤษตินันท์ ผู้พากย์เสียง จิมมี่ ฮอฟฟา (อัล ปาชิโน) เสริมว่า ลีลาการแสดงของดาราที่แต่ละคนได้รางวัลมาเยอะมากก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้การพากย์ค่อนข้างยาก
“เค้าอยู่ในอารมณ์เดียวแต่เล่นได้ 3 ลีลา ทั้งดรามา แอคชั่น อยู่ตรงนั้นเลย ซึ่งบางทีพากย์ไปแล้วดูแววตาดูสีหน้าของเค้าแล้วไม่ใช่ เลยต้องกลับมาเทคใหม่ เพราะว่าต้องทำให้ใกล้เคียงที่สุดสมกับที่เน็ตฟลิกซ์เค้าไว้ใจเรา เลือกเราเข้ามาทำตรงนี้กับหนังเรื่องนี้ เพราะว่าทุนก็ 140 กว่าล้านเหมือนกันที่ทราบ ผู้กำกับ บทอะไรโอเคมาก”
“คือจากประสบการณ์ที่พากย์หนังกันมาหลายสิบปี เราก็จะพยายามจับนิดๆ หน่อย ๆ บางทีสีหน้าแววตาของเขามันไม่เหมือนพวกหนังแอคชั่นทั่วไปที่ชกก็ชก ทำอะไรก็ทำไปเลย แต่ระดับอัล ปาชิโน มันไม่ใช่ครับ บางทีนึกอยากจะโมโห นั่งอยู่ตรงนั้นก็โมโหได้ ตาเค้ามา เสียงเราก็ต้องรีบเปลี่ยนทันที กำลังมาดี ๆ อยู่ ๆ ก็ปึ๊บขึ้นมาแบบนี้ ใช้เวลามาก ผมก็ประมาณ 10 กว่าชั่วโมงเหมือนกัน”
ส่วน น้าเอก-เอกชัย พงศ์สมัย นักพากย์เสียงหล่อผู้ให้เสียง รัสเซล บุฟฟาลีโน่ (โจ เพชชี่) บอกว่านักแสดงนำทั้ง 3 คนเป็นดาราระดับออสการ์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือน้ำเสียง นักพากย์จะต้องอ่านให้ออกว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น ควบคู่ไปกับการดูบทพากย์ที่ได้รับมา
“ตัวที่ผมพากย์ โจ เพชชี่ เค้าเป็นคนไม่โฉ่งฉ่าง สุขุม นุ่มลึก คำพูดของเค้าแต่ละคำเราต้องใส่ให้ถึงอารมณ์ที่เค้าพูดออกมา บางครั้งเค้าจะมีความโกรธอยู่ในน้ำเสียง บางครั้งจะมีความนุ่มนวล มีความเยาะเย้ย เย้ยหยัน บางทีก็ถากถาง บางทีก็ใช้คำพูดสั่งเชือด ฆ่าคน เพราะฉะนั้นทุกตัวแสดงเราจะต้องใช้อารมณ์ตามตัวเค้าให้ทัน เหมือนเราเป็นตัวเค้าเอง”
ถึงแม้ว่านักพากย์ทั้ง 3 ท่านนี้จะถือเป็นนักพากย์แถวหน้าของเมืองไทย แต่ทุกคนบอกเหมือนกันว่าได้รับเลือกให้มาพากย์ The Irishman ผ่านการแคสติ้งไม่ต่างจากนักแสดง โดยหนึ่งตัวแสดงจะถูกส่งไปประมาณ 3-4 เสียงให้ทีมผู้สร้างเลือกว่าใครใกล้เคียงที่สุด ดังนั้น โดยตัวเนื้อเสียงของแต่ละคนก็จะมีความใกล้เคียงตัวละครอยู่แล้ว หน้าที่ของนักพากย์แบบพวกเขาคือต้องทำให้ถึงอารมณ์ของตัวละครมากที่สุดเท่านั้น
สำหรับความสำคัญของการพากย์หนังนั้น นักพากย์ชั้นครูทั้ง 3 ท่านให้ความเห็นว่า มีส่วนช่วยให้คนดูเข้าถึงการแสดงของตัวละครได้มากกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งอ่านซับ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเก่งภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจศัพท์แสลงไปทุกอย่าง ดังนั้น การฟังเสียงพากย์จะทำให้ได้ดูภาษากายของนักแสดง ดูรายละเอียดภาพได้ครบถ้วนกว่า โดยเฉพาะหนังดรามา ถ้าต้องการจะเก็บงานของผู้กำกับระดับคุณภาพนั้น ทั้งสามท่านเห็นตรงกันว่าดูพากย์ไทยจะดีกว่า
แม้จะเป็นภาพยนตร์แนวดราม่า-อาชญากรรมที่พูดถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แก่นแท้ของ The Irishman คนใหญ่ไอริช นั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ครอบครัว และมิตรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกสามารถเข้าใจตรงกันได้อย่างไม่ยาก ด้วยเหตุนี้เองเน็ตฟลิกซ์จึงเลือกที่จะพากย์เสียงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ไม่เฉพาะภาษาไทยเท่านั้น แต่ยังมีการให้เสียงพากย์มากถึงกว่า 15 ภาษา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจออกไปอย่างไร้ซึ่งอุปสรรคทางภาษา
สำหรับผู้ชมชาวไทยสามารถรับชม The Irishman คนใหญ่ไอริช ได้อย่างเต็มอรรถรส โดยจะเลือกดูแบบซาวน์แทร็คเหมือนเดิม หรือจะเลือกชมเวอร์ชั่นพากย์ไทยที่เป็นผลผลิตของการทำงานอย่างประณีต พิถีพิถันกันได้แล้ววันนี้ทาง Netflix เท่านั้น
เรื่องย่อ : The Irishman คนใหญ่ไอริช
The Irishman เป็นหนังแก๊งสเตอร์ที่พูดถึงการหายตัวไปของ จิมมี ฮอฟฟา ผู้นำสหภาพแรงงานคนสำคัญของสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงเป็นปริศนาดำมืดมาจนถึงทุกวันนี้ นำแสดงโดยดาราฝีมือชั้นครูอย่าง โรเบิร์ต เดอ นิโร, อัล ปาชิโน และโจ เพสซี
ตัวหนังอ้างอิงมาจากหนังสือชื่อ I Heard You Paint Houses ของ ชาร์ลส แบรนดท์ ที่เล่าถึงการหายตัวไปของ จิมมี ฮอฟฟา ในปี 1975 ผ่านมุมมองของมือปืนประจำแก๊งมาเฟีย Bufalino ชื่อ แฟรงค์ ชีแรน หรือ The Irishman ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้เขียนเอาไว้หลายครั้งก่อนที่จะเสียชีวิตลง
จิมมี่ ฮอฟฟา เป็นผู้นำ International Brotherhood of Teamsters ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นสหภาพแรงงานที่มีความหลากหลายที่สุดแล้วก็แข็งแกร่งที่สุดในแถบอเมริกาเหนือ เขาถูกพบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1975 ที่ภัตตาคาร Machus Red Fox Restaurant ใกล้ Bloomfield Township รัฐมิชิแกน ซึ่งอยู่ห่างจากดีทรอยท์ไปแค่ 25 ไมล์ และถูกประกาศว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วในอีก 7 ปีให้หลัง
สหภาพแรงงานแห่งนี้ให้การสนับสนุนคนขับรถบรรทุกทั่วอเมริกา แต่ก็มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับแก๊งอาชญากรรมและมาเฟีย ซึ่งสายสัมพันธ์ดังกล่าว และการหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยของฮอฟฟาคือเนื้อหาหลักในภาพยนตร์เรื่อง The Irishman ของเน็ตฟลิกซ์