



อนุสรณ์สถานสร้างโดยคนบาป(ลูกฆ่าพ่อ) ปัจจุบันเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
เวลามีคนพูดถึง แหล่งมรดกโลกของประเทศนั้นประเทศนี้ ต้องไปพิสูจน์กันว่า มหัศจรรย์สมกับได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือไม่
สิกิริยา 1 ใน 6 มรดกโลกทางวัฒนธรรมของศรีลังกา ตั้งอยูู่อำเภอมาตะเล ตอนกลางของประเทศ ในอดีตเป็นเมืองโบราณ มีป้อมปราการ พราะราชวัง ตั้งอยู่บนยอดเขาหินแกรนิตสูง 370 เมตร ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียกว่า พระราชวังลอยฟ้า ปัจจุบันเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญของเอเชีย
กว่าจะเดินขึ้นไปถึงบนยอดเขาสิกิริยาต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง และไต่บันไดกว่า 2,000 ขั้น โดยทางขึ้นมีหลายระดับ มีบันไดวนทำด้วยเหล็กประมาณ 30 ขั้น มีหลืบถ้ำเล็กๆ ความยาวราว 6 เมตร บริเวณนั้นจะมีภาพเขียนสีเฟรสโกนางอัปสรสวรรค์วาดเพียงครึ่งตัว ตัวเจ้านายนุ่งผ้าแต่ไม่สวมเสื้อ ส่วนบริวารหรือคนรับใช้จะสวมเสื้อ เจ้านายจะถือดอกไม้ บริวารจะถือถาดใส่ดอกไม้ มีท่าทางกำลังจะไปบูชาพระ
แม้วันเวลาจะผ่านมากว่าพันปี ภาพเขียนดังกล่าวก็ยังมีความงดงาม ทำให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีป้ายเขียนไว้ว่า ห้ามถ่ายภาพ สามารถถ่ายรูปได้จากภาพจำลองในพิพิธภัณฑ์ด้านล่าง ก่อนเดินขึ้นไปบนภูเขา
-1-
เมื่อขึ้นไปถึงและมีโอกาสยืนรับลมบนภูเขาสิกิริยา สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของมนุษย์ที่เพียรพยายามสร้างป้อมปราการและปราสาทราชวังบนแท่งหินขนาดใหญ่รูปสิงโต
ว่ากันว่า ประตูสิงห์ ทางเดินของท้ายภูเขาทางทิศเหนือ มีลานที่เป็นต้นกำเนิดของชื่อสิกิริยา (ภูเขาหิน) ครั้งหนึ่งภูเขาแห่งนี้ เคยเป็นรูปสลักหินสิงโตยักษ์ และมีทางขึ้นไปยังยอดเขาอยู่ระหว่างอุ้งเท้าของสิงโต ปัจจุบันเหลือเพียงอุ้งเท้าสิงโตที่ยังปรากฎให้เห็น แต่ละเล็บของอุ้งเท้าสิงโต มีขนาด 7-8 ฟุต
เมื่อปีค.ศ. 1982 องค์การยูเนสโก ยกย่องให้เมืองโบราณแห่งนี้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ มีบันทึกประวัติศาสตร์ไว้ว่า เป็นเสมือนอนุสรณ์สถานของคนบาป เนื่องจาก พระเจ้ากัสสปะ กษัตริย์แห่งอนุราธปุระ เมืองหลวงแห่งแรกของชาวสิงหล ซึ่งเป็นราชธานีมานานกว่า 1,200 ปี เป็นผู้สร้าง และกษัตริย์ในยุคนั้นจะเป็นผู้อุปถัมภ์พุทธศาสนา เนื่องจากวิถีพุทธเป็นแนวทางสำคัญในการดำรงชีวิตของชาวสิงหล (ชื่อที่ใช้เรียกชาวศรีลังกาในสมัยโบราณ ) และนั่นทำให้ศรีลังกาเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พุทธศาสนานิกายเถรวาทที่สำคัญนอกดินแดนอินเดียมาตั้งแต่อดีต
ว่ากันว่า ชาวสิงหลและชาวทมิฬเข้ามาอยู่ในศรีลังกาประมาณ 500 ปี และ 300 ปีก่อนคริสตกาล โดยอพยพมาจากอินเดีย ทำให้อาณาจักรสิงหลก่อตั้งขึ้นทางเหนือของศรีลังกา มีเมืองอนุราธปุระเป็นเมืองหลวงแห่งแรก
สิกิริยาจึงมีประชากรอยู่อาศัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในคัมภีร์มหาวงศ์ระบุว่า ป้อมปราการเหล่านี้สร้างขึ้นในคริสตศวรรษที่ 5 โดยพระเจ้ากัสสปะ(ค.ศ. 447 -495 ) สร้างขึ้นบนก้อนหิน โดยเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าแห่งความมั่นคง และมีหลักฐานยืนยันว่า มีการสร้างป้อมปราการเพื่อป้องกันข้าศึกบุกเมือง ใช้เวลาสร้างพร้อมๆ กับพระราชวังรวมกว่า 7 ปี
-2-
ปัจจุบันศรีลังกามีแหล่งมรดกโลก 8 แหล่ง เป็นแหล่งทางธรรมชาติ 2 แห่งคือ เขตสงวนป่าสิงหราชะ และที่สูง
ตอนกลางศรีลังกา
ส่วนแหล่งวัฒนธรรมมี 6 แห่งด้วยกัน คือ เมืองอนุราธปุระ เคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรสิงหล ห่างจากนครโคลัมโบไปทางทิศเหนือราว 205 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีต้นพระศรีมหาโพธิ์ขยายพันธุ์มาจากต้นเดิมที่พุทธคยา,
ส่วนโปโลนนารุวะ เมืองหลวงแห่งที่สองของศรีลังกา มีวิหารปราสาท และพระพุทธรูปเก่าแก่ ร่องรอยของการเผยแพร่พุทธศาสนาเถรวาท,เมืองดัมบูลล่า เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำดัมบุลลา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2534,เมืองแคนดี้ ที่ตั้งของวัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองหลวงสุดท้ายของกษัตริย์โบราณศรีลังกา ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาในที่ราบสูงกัณฏิ ครอบคลุมพื้นที่ปลูกพืชเขตร้อนโดยเฉพาะชา เป็นหนึ่งในเมืองที่มีจุดชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุดในศรีลังกา เป็นทั้งเมืองการปกครองและศาสนา และอำเภอกัณฏิเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อค.ศ. 1988,นูวารา อิลิเย เมืองปลูกชาและดอกไม้เมือง อยู่บนภูเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 2000 เมตร มีอากาศหนาวและเย็นตลอดปี มีไร่ชาและ โรงงานผลิตชาจำนวนมาก ที่เรียกว่าชาซีลอน ได้รับการขนานนามว่าเป็นชาที่ดีติดอันดับโลก
และสิกิริยา พระราชวังลอยฟ้า ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เป็นทั้งป้อมปราการและพระราชวังโบราณ ล้อมด้วยสวนหย่อมและระบบชลประทาน
พระราชวังแห่งนี้ พระเจ้ากัสสปะประทับอยู่ที่นั่นนาน 18 ปี และคงใช้เงินและแรงงานมนุษย์มหาศาล พระราชวังด้านบนมีคูน้ำขนาดใหญ่กว้าง10 เมตร ล้อมรอบทั้ง 4 ด้านของพระราชวัง และกำแพงพระราชวังมีสระสรงน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ
ว่ากันว่า ด้านบนยังมีก้อนหินขนาดใหญ่ มีแท่นที่ประทับพักผ่อนของกษัตริย์ใต้เพิงหิน มีบันไดทางขึ้นระหว่างซอกหินขนาดใหญ่ ขึ้นไปยังระเบียงหน้าผาของภูเขาสิกิริยะ
พระราชวังลอยฟ้าสิกิริยา รู้จักในนาม ภูเขาสิงโต (Lion Rock) หรือ แท่นศิลาราชสีห์ ศาสนสถานลอยฟ้าแห่งศรีลังกา สิ่งมหัศจรรย์ของโลก สร้างโดยกษัตริย์กัสสปะ ฆ่าพ่อของตนเองเพื่อแย่งชิงราชสมบัติ แล้วหนีมาสร้างพระราชวังเป็นที่ซ่อนตัวจากพี่ชายที่จะมาแก้แค้น แต่ในที่สุดกษัตริย์กัสสปะต้องพ่ายแพ้กลับขึ้นไปบนเขา และฆ่าตัวตาย
และนี่คือสาเหตุที่เรียกเมืองโบราณแห่งนี้ถูกเรียกว่า อนุสรณ์สถานของคนบาป
สิกิริยาถูกทิ้งเป็นเมืองร้างกลางป่ามานานหลายสิบปี จนถึงศตวรรษที่ 19 นายทหารอังกฤษได้บันทึกสภาพแวดล้อมในป่าดังกล่าวเอาไว้ จนปีพ.ศ.1853 ชาวอังกฤษและชาวพื้นเมืองได้สำรวจแนวทางเดินและบันไดที่โผล่ออกมาจากปากของสิงโตขนาดมหึมาที่สร้างด้วยอิฐและปูน รวมถึงพบภาพจิตรกรรมฝาผนังชุดแรกเป็นรูปสิงโต ต่อมาในปี พ.ศ.1875 ได้ภาพชนิดเดียวกันทางด้านตะวันตก ทางกรมศิลป์ฯ แห่งชาติ จึงได้อนุรักษ์ไว้เป็นครั้งแรก
การขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองนี้ ด้านบนสุดของยอดเขาหินจะเป็นที่ตั้งของซากปรักหักพัง พระราชวัง สระน้ำ ปัจจุบันเมืองโบราณสิกิริยาแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศศรีลังกา




