‘จูเลียตคลับ’ ช่วยตอบปัญหารัก

คลับแห่งนี้ อยู่ในอิตาลี ใกล้ๆ พิพิธภัณฑ์บ้านของจูเลียต ซึ่งเป็นตำนานรัก“โรมิโอและจูเลียต”
หลายคนคงได้ดู “Letter to Juliet” ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแนวโรแมนติคคอมเมดี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับ “จูเลียตคลับ” คลับของสาวๆ หลายวันที่อาสาสมัครมาตอบจดหมายจากทั่วโลกที่เขียนมาขอความช่วยเหลือเรื่องปัญหาความรักหลากหลายรูปแบบ
จูเลียตคลับแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองเวโรนา ตอนเหนือของประเทศอิตาลี ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ “บ้านของจูเลียต” (Juliet’s House) ซึ่งมีที่มาจาก“โรมิโอและจูเลียต” วรรณกรรมอันมีชื่อเสียงของวิลเลียม เชคสเปียร์นั่นเอง
ที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์มีระเบียงยื่นออกมาเหมือนที่เชคสเปียร์เขียนไว้ว่า เป็นที่ๆ จูเลียตออกมารอพบโรเมโอ ซึ่งปีนกำแพงขึ้นมาหาเธอ ความรักของทั้งสองที่จบด้วยความตาย กลายเป็นตำนานและถูกนำไปสร้างเป็นละครเวที ละครเพลงและภาพยนตร์นับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อทางการเมืองเวโรนาเปิดพิพิธภัณฑ์ที่บ้านหลังหนึ่งที่มีเลขที่บ้านตรงกับที่เชคสเปียร์ระบุไว้ในเรื่อง ผู้คนและนักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาถ่ายเซลฟี่กับสถานที่และรูปปั้นจูเลียตที่หน้าพิพิธภัณฑ์ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ๆ ต้องไปเมื่อเยือนเวโรนา
เมื่อดูภาพยนตร์ หลายคนคงคิดว่า จูเลียตคลับนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่คลับนี้มีอยู่จริง และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปี 1930 จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งไปที่พิพิธภัณฑ์ จดหมายเขียนว่า จูเลียตที่รัก ฉันไม่เห็นใครที่จะช่วยฉันได้ นอกจากคุณเท่านั้น ผู้เขียนได้พร่ำพรรณนาถึงความรักที่ไม่สมหวัง
กุยลิโอ ทามาสเซีย ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ในตอนนั้นตัดสินใจตอบจดหมายและให้คำแนะนำเกี่ยวกับความรัก
หลังจากนั้นก็มีจดหมายเกี่ยวกับความรักหลั่งไหลเข้ามาอีกเรื่อยๆ ทำให้เกิดการตั้งเป็นคลับนี้ขึ้นมาโดยมีอาสาสมัคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาช่วยเปิดซอง ตอบจดหมายและส่งจดหมายตอบคืนทางไปรษณีย์ พวกเธอเรียกตัวเองว่า “เลขาฯ ของจูเลียต” ส่วนตัวตั้งตัวตีของคลับนี้คือ จิโอวานน่า ลูกสาวของผู้ดูแลนั่นเอง
ในตอนนี้ นอกจากจดหมายที่เขียนด้วยลายมือแล้ว ยังมีการส่งข้อความมาในรูปแบบของอีเมลหรือข้อความสั้นๆ ผ่านโทรศัพท์มือถืออีกด้วย จดหมายหลายฉบับจ่าหน้าซองแค่ว่า “ส่งจูเลียต เมืองเวโรนา อิตาลี” บางฉบับไม่ได้ติดแสตมป์ บางคนเขียนบนโพสต์อิตกระดาษเช็ดปากหรือซองบุหรี่ จำนวนจดหมายก็มีมากขึ้นทุกวันหรือประมาณ 50,000 ฉบับต่อปี จนต้องมีการส่งไปให้อาสาสมัครภายนอกช่วยตอบ
มาร์ติน ฮอปเล่ย์ วัย 41 ปีคือ 1 ในอาสาสมัครที่ไม่ได้นั่งตอบจดหมายที่คลับในเวโรนา เขาให้สัมภาษณ์บีบีซีว่า เขาตอบจดหมายทุกฉบับอย่างตั้งใจ อ่านเนื้อความในจดหมายอย่างถี่ถ้วนและเขียนปลอบใจผู้เขียนจดหมายทุกคนอย่างเข้าใจในปัญหา บางครั้งเขากระตุ้นให้เจ้าของจดหมายกล้าที่จะขอคนรักแต่งงาน แต่บางครั้งเขาต้องเตือนหลายคนว่า ผู้ที่มีปัญหาในความรักต้องรักตัวเองให้มากก่อนที่จะสามารถมีความรักกับคนอื่นได้
เขาว่า เป็นหน้าที่ของเขาที่จะช่วยให้คนเปิดตา และเปิดใจให้กว้าง เพื่อตามหาความรัก แต่ไม่ใช่หลงทางเข้าไปในวังวนแห่งโชคร้าย
“ตอนนี้ ผมไม่ได้อยู่ในเวโรนา ผมจึงได้รับหน้าที่ตอบจดหมายที่ส่งมาทางอีเมล ถึงแม้ว่า อีเมลจะดูโรแมนติคน้อยกว่าจดหมายที่เขียนด้วยลายมือ แต่คนเขียนก็ใช้หัวใจและจิตวิญญาณเขียนมาหาเรา จูเลียตก็ต้องตอบ” มาร์ตินให้สัมภาษณ์ที่บ้านของเขาในเมืองเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ
หลายๆ ครั้ง มาร์ตินใช้เวลาตรึกตรองหลายวันว่า จะตอบอย่างไรดี เขาใช้แรงบันดาลใจจากจดหมายที่เขาเขียนไปหาจูเลียตในปี 2015 ตอนนี้เขานำจดหมายนั้นมาใส่กรอบและตั้งอยู่บนโต๊ะ
เขายังจำได้ดีว่า ในจดหมายของเขา เขาเล่าว่า เขารอดชีวิตจากโรคเนื้องอกในสมองในตอนเด็กได้อย่างไร และต้องพิการหลายอย่างจากโรคดังกล่าว เขาอกหักจากการหลงรักเพื่อนคนหนึ่ง เขาขอให้จูเลียตช่วยให้รักครั้งต่อไปของเขาสมหวัง อีก 6 เดือนต่อมา เขาได้รับจดหมายตอบจากจูเลียตซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขา
“ตอนนั้น รอยผ่าตัดบนศีรษะของผมทำให้ผมสงสัยว่า จะมีใครหลงรักผมไหม คำตอบของจูเลียตที่เขียนด้วยลายมือเป็นคำตอบที่ผมไม่เคยได้ยินหรืออ่านมาก่อนเพราะเธอกำลังพูดกับผมเท่านั้น” ประโยคเดียวในจดหมายที่จูเลียตตอบ ที่มาร์ตินยอมเปิดเผยคือ “คุณต้องมีชีวิตอยู่”
มาร์ตินได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากคำตอบนั้น เขาเริ่มติดตามกิจกรรมของคลับในเฟซบุ๊ค พูดคุยและให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ ไม่นานนัก บรรดาเลขาฯ ของจูเลียตก็ขอร้องให้เขาช่วยตอบจดหมาย นั่นคือ จุดเริ่มต้นของมาร์ตินกับจูเลียตคลับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
เลขาฯ แต่ละคนจะคัดเลือกจดหมายและตอบฉบับที่พวกเขามีประสบการณ์หรือถนัด ถ้าใครได้จดหมายที่ตัวเองไม่ถนัด ก็จะส่งต่อให้คนที่ถนัด
มาร์ตินเล่าว่า จดหมายมีหลากหลายเช่น จากหญิงสาวที่หลงรักเพื่อนสนิท จากสามีซึ่งภรรยาเสียชีวิต เด็กผู้ชายที่เริ่มแน่ใจเรื่องเพศของตัวเอง เด็กผู้หญิงที่ไม่เชื่อว่า เธอสวยเพียงพอที่จะพบรักแท้ จูเลียตได้ยินทุกเคสที่คุณนึกออกเลยทีเดียว
เมื่อคนเขียนถึงจูเลียต หัวใจของพวกเขามักว้าวุ่น สับสนและยุ่งเหยิง แต่จูเลียตเข้าใจความรู้สึกนั้น เธอปลอบประโลมพวกเขาและให้คำแนะนำที่เหมือนบทเพลงที่ง่ายต่อการเข้าใจ
จดหมายที่มาร์ตินตอบมักเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาที่เขาเคยสงสัยว่า ความพิการและรอยแผลเป็นมากมายบนศีรษะของเขา จะทำให้มีใครมารักเขาไหม แต่ตอนนี้ เขาเชื่อว่า รอยแผลเป็นนั้นแสดงว่า เขาเป็นนักสู้และผู้รอดชีวิต เขาเป็นเนื้องอกในสมองตั้งแต่อายุ 14 และต้องเข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด 18 ครั้ง ซึ่งทำให้เขามีอาการปวดเป็นระยะ มองเห็นภาพเบลอและอื่นๆ อีกมากมาย ความจำของเขาก็ไม่ดี อาการทั้งหลายนี้ทำให้การพูดของเขามีปัญหาและทำให้เขาทำงานเต็มเวลาไม่ได้ แต่การได้เขียนจดหมายทำให้เขามีเวลาคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าจะเขียนอย่างไร
เขาได้รับมอบให้ตอบเรื่องแต่งงานด้วย เขาเคยประสบความสำเร็จในการหว่านล้อมให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขียนมาหาจูเลียตให้ยอมย้ายข้ามทวีป เพื่อจะได้อยู่กับคนรัก อีก 1 ปีต่อมา ผู้หญิงคนนั้นเขียนจดหมายมาบอกว่า ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน
มาร์ตินให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึกเหมือนเป็นคนดีขึ้น เมื่อเขาเขียนในนามจูเลียต
“หลายครั้งผมรู้สึกไม่เหมือนเป็นตัวเองเลย ผมเป็นคนใจดี แต่ก็ไม่มาก แต่ในการตอบจดหมาย จูเลียตไม่เคยล้อหรือตัดสินคุณเลย จูเลียตดึงส่วนดีของทุกคนออกมา”







