ย้อนสถิติ 7 ปีเกิดกรณี "ลืมเด็กในรถ" 129 ครั้ง ก่อนซ้ำรอยเหตุสลดรายล่าสุด

ย้อนสถิติ 7 ปีเกิดกรณี "ลืมเด็กในรถ" 129 ครั้ง ก่อนซ้ำรอยเหตุสลดรายล่าสุด

เกิดเหตุซ้ำซาก! กรณี "ลืมเด็กในรถ" รายล่าสุดเป็นเด็ก 7 ขวบเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 65 ซึ่งที่ผ่านมาพบเหตุการณ์ลักษณะนี้บ่อยแต่ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้นอีก เช็กสถิติย้อนหลัง 7 ปี พบเกิดเหตุมาแล้วถึง 129 ครั้ง

เกิดการสูญเสียอีกครั้งกับกรณี "ลืมเด็กไว้ในรถ" ที่รายล่าสุด (30 ส.ค. 65) เป็นเด็กหญิงอายุ 7 ขวบพบเสียชีวิตในรถตู้โรงเรียน หากดูสถิติย้อนหลัง 7 ปี พบว่าเกิดเหตุลักษณะนี้มากถึง 129 ครั้ง ในจำนวนนั้นมีเด็กเสียชีวิตมาแล้ว 6 ราย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ลืมเด็กไว้ในรถจนเกิดการสูญเสีย แต่ก่อนหน้านี้ในประเทศไทยพบเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เกิดซ้ำๆ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่าทำไมจึงขาดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ ทั้งที่เคยผ่านบทเรียนมาแล้วหลายกรณีในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผานมา

มีข้อมูลจาก “กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค” เผยแพร่สถิติเกี่ยวกับเหตุการณ์ “ลืมเด็กไว้ในรถ” ตั้งแต่ปี 2557-2563 พบว่ามีเหตุการณ์เด็กที่ถูกลืมและทิ้งให้อยู่ในรถตามลำพัง 129 เหตุการณ์ ในจำนวนนั้นมีเด็กเสียชีวิต 6 ราย โดยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 2- 6 ปีทั้ง 6 คน

ส่วนสถิติด้านสถานที่เกิดเหตุที่พบเด็กเสียชีวิตนั้น พบว่า เกิดเหตุขึ้นในรถรับส่งนักเรียน 5 ราย และรถยนต์ส่วนบุคคล 1 ราย โดยเคสเด็กทั้ง 6 รายนี้ เด็กถูกลืมทิ้งไว้นานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป

ขณะที่สถิติช่วงอายุของเด็กที่ประสบเหตุถูกลืมและทิ้งไว้ในรถ ได้แก่

  • พบมากที่สุดคือ เด็กอายุ 2 ปี คิดเป็นร้อยละ 38.0
  • รองลงมาคือ เด็กอายุ 1 ปี คิดเป็นร้อยละ 20.9
  • อันดับถัดมาคือ เด็กอายุ 3 ปี คิดเป็นร้อยละ 19.4

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค มีข้อแนะนำถึงครูอาจารย์ พนักงานขับรถรับส่งนักเรียน และผู้ปกครอง ให้เตือนตนเองใน 3 ข้อควรจำเพื่อป้องกันการลืมเด็กในรถ ดังนี้

  • นับ : นับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและหลังลงจากรถทุกครั้ง
  • ตรวจตรา : ตรวจตราก่อนล็อดประตูรถ ตรวจดูให้ทั่วรถ อย่ามองข้ามเด็กที่นอนหลับ
  • อย่าประมาท : อย่าทิ้งเด็กไว้เพียงลำพังแม้ช่วงเวลาสั้น ๆ อีกทั้งควรแนะนำเด็กให้รู้วิธีเอาตัวรอดด้วยการ “บีบแตรรถ” ขอความช่วยเหลือหากติดอยู่ในรถตามลำพัง

ขณะที่ ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ฯ รามาธิบดี (CSIP) ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกันว่า กรณีเด็กติดอยู่ในรถแล้วเสียชีวิต คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นเพราะขาดอากาศหายใจ แต่ความจริงแล้วเกิดจากความร้อนภายในรถที่สูงขึ้น

ดังนั้น ผู้ปกครองห้ามทิ้งลูกไว้ในรถที่จอดกลางแจ้งเด็ดขาด และควรนำเด็กลงจากรถไปด้วยทุกครั้ง ขณะที่การจอดรถในที่ร่มเด็กก็อาจเสียชีวิตจากความร้อนที่สูงขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้มีคำแนะนำ 4 วิธี ป้องกันลืมเด็กไว้ในรถ ดังนี้

1. ห้ามทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพังเด็ดขาด

ไม่ว่าคุณจะต้องไปทำธุระนอกรถเร็วหรือช้า ควรนำเด็กลงจากรถไปด้วยทุกครั้ง แม้เด็กจะหลับอยู่ก็ตาม ต้องเอาลูกลงจากรถด้วยทุกครั้ง ไม่ใช่เพียงความปลอดภัยเท่านั้น แต่เป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ว่าทุกครั้งที่จอดรถลูกต้องลงจากรถ

2. แง้มหน้าต่างรถไม่ได้แก้ปัญหา! อย่าเข้าใจผิดๆ ว่าการเปิดแง้มหน้าต่างไว้แล้วจะปล่อยเด็กอยู่ในรถได้

ความจริงคือ แม้จะไม่ขาดอากาศหายใจแต่เด็กก็เสียชีวิตได้ เพราะความร้อนสูง ไม่ว่าจะจอดกลางแดดหรือในที่ร่มก็ตาม นี่ยังไม่นับรวมการปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถลำพังก็อาจเกิดเหตุถูกลักพาตัวได้เช่นกัน

3. กรณีที่ให้ลูกติดรถไปกับผู้อื่น ต้องหมั่นโทรศัพท์ไปสอบถามเป็นระยะ

การที่ต้องฝากลูกไว้กับผู้อื่นยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะบางคนอาจหลงลืมหรือเผลอได้ จึงต้องคอยโทรศัพท์ไปสอบถามเป็นระยะ แต่ทางที่ดีไม่ควรปล่อยลูกวัยเด็กเล็กฝากไว้กับผู้อื่น ควรจะต้องมีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวประกบเด็กเล็กด้วยทุกครั้ง

4. กรณีที่เป็นรถโรงเรียน พ่อแม่ต้องมั่นใจก่อนว่าจะตัดสินใจใช้บริการรถโรงเรียนของโรงเรียนหรือไม่

หากพ่อแม่ตัดสินใจใช้บริการรถโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถตู้ทึบ พ่อแม่ต้องดูถึงมาตรการความปลอดภัยของรถโรงเรียนด้วย และดูถึงครูเวรรับส่งเด็กว่ามีใครบ้าง คนขับรถเป็นอย่างไร เวลารับส่งเด็กมีการเช็คชื่อเด็กหรือไม่ เป็นต้น

------------------------------------------

อ้างอิง : กรมควบคุมโรคthaihealth