นวัตกรรมอาคารสีเขียว ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

นวัตกรรมอาคารสีเขียว  ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

"ก๊าซเรือนกระจก" ที่ถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ 1 ใน 3 มาจากภาค "การก่อสร้าง" ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อาคารประหยัดพลังงาน มีการเติบโตจากแรงผลักดันไม่ว่าจะภาวะโลกร้อน ความตกลงปารีส และล่าสุด การประชุม COP26 เป็นต้น

เนื่องจากภาคการก่อสร้างอาคารปล่อย ก๊าซเรือนกระจก อย่างน้อย 1 ใน 3 ของทั้งหมด โดยอยู่ในกระบวนการก่อสร้าง 30% และอีกกว่า 70% เป็นการใช้อาคารตลอดอายุการใช้งาน ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อาคารประหยัดพลังงาน มีการเติบโตจากแรงผลักดันไม่ว่าจะภาวะโลกร้อน ความตกลงปารีส และล่าสุด การประชุม COP26 และคาดว่าหลังจากนี้ แรงผลักดันในเรื่องของกฎหมาย ภาคสังคม จะส่งผลให้การเติบโตของอาคารประหยัดพลังงานโตเพิ่มขึ้นไปอีก

 

หากมีอาคารประหยัดพลังงาน ย่อมส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนกลับไปสู่สังคมที่ดี ไม่ว่าจะด้านค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุขลดลง สุขภาพของผู้คน เป็นการตอบโจทย์ ESG (Environment, Social, Governance)

 

ดังนั้น นวัตกรรมเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy ในการก่อสร้างอาคารต่างๆ ด้วย Business Model  จึงเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง และ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และอากาศ  เพื่อตอบโจทย์อาคารประหยัดพลังงาน บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ในเครือบริษัท คอรัล โฮลดิ้ง จึงก่อตั้งมาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมเศรษฐกิจสีเขียว เมื่อปี 2560 โดยใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนาโทเทิลโซลูชั่น (Total Solution) ติดตั้งอาคารและบ้านพักอาศัยทุกประเภท กว่า 3 ปี สร้างต้นแบบอาคารลดการใช้พลังงานได้มากกว่า 70%

 

นวัตกรรมอาคารสีเขียว  ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

ออกแบบเน้นใช้งานประหยัดพลังงาน

 

“เทพฤทธิ์ ทิพย์ชัชวาลวงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าภาคการก่อสร้างอาคารปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 1 ใน 3 ของทั้งหมด โดยอยู่ในกระบวนการก่อสร้าง 30 % และอีกกว่า 70% เป็นการใช้อาคารตลอดอายุการใช้งาน  จึงเน้นออกแบบการใช้อาคารตลอดอายุการใช้งาน โดยใช้เวลา 3 ปีแรกวิจัยพัฒนาสร้างห้องทดลองเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น พื้นที่ 200 ตร.ม. ใช้แอร์เพียง 12,000 BTU เปิดแอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าไฟต่อเดือนเพียง 2,000 บาท จากปกติใช้แอร์ 200,000 BTU

 

สร้างกรอบอาคารป้องกันความร้อน ป้องกันความร้อนเข้าสู่ภายในอาคารให้มากที่สุด  เพื่อทำให้อุณหภูมิที่เหมาะกับการอยู่อาศัย คือ 25 องศา กรอบอาคารที่ดี จะช่วยป้องกันอุณภูมิภายนอกจาก 35 องศาให้เหลือ 27-28 องศา ซึ่งหมายความว่าจะใช้อีกแค่ 3 องศาในการทำความเย็น ทำให้ประหยัดพลังงาน

 

ถัดมา คือ นวัตกรรมในเรื่องของคุณภาพอากาศ ด้วยเครื่องระบบ “HVAC” หรือ Heating, Ventilation, Air Conditioning โดยรวม 4 ฟังก์ชั่นการทำงาน คือ การทำความเย็น กรองอากาศ เครื่องถ่ายเทอากาศ และลดความชื้น อยู่ในเครื่องเดียว ช่วยลดการทำงานของแอร์ ประหยัดพลังงานตั้งแต่เดือนแรกมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับอาคารในลักษณะเดียวกัน

 

นวัตกรรมอาคารสีเขียว  ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

อาคารประหยัดพลังงาน 5 ปีคุ้มทุน

 

อย่างไรก็ตาม แม้งบประมาณในการสร้างอาคารประหยัดพลังงานจะสูงว่าการสร้างอาคารปกติราว 15-20% แต่ เพียง 5 ปี ก็ถึงจุดคุ้มทุน เนื่องจากสามารถประหยัดไฟ 70 % ขึ้นไป ตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดใช้ ปัจจุบัน มีโครงการที่บริษัทฯ ดูแลอยู่ 5 แห่ง ล่าสุดทำอาคารสำนักงานให้กับ ปตท. ที่โรงแยกก๊าซ นิคมมาบตาพุด พื้นที่ราว 2,500 ตร.ม. ใช้แอร์เพียง 506,000 BTU จากปกติต้องใช้แอร์ 3,109,600 BTU ประหยัดพลังงานการใช้ไฟลดลง 75% ประหยัดค่าไฟ 4.7 ล้านบาทต่อปี คำนวณเป็นคาร์บอนเครดิตจะได้ 525.6 ตันต่อปี คำนวณราคาซื้อขายที่ตลาดยุโรปอยู่ที่ 1,549,971 บาท/ปี

 

นอกจากนี้อยู่ระหว่างสร้างอาคารต้นแบบที่สุขุมวิท 39 อาคารมิกซ์ยูสหลังแรกภายใต้มาตรฐาน Passive house ใช้เป็นออฟฟิศ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ เป็นอาคารประหยัดไฟฟ้า ที่มีโซลูชั่นวัดคุณภาพอากาศ PM2.5  สารก่อมะเร็ง คาร์บอนไดออกไซด์ และความชื้นสัมพัทธ์ได้ด้วย

 

นวัตกรรมอาคารสีเขียว  ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พบว่า กทม.ปริมณฑล มีการขอพื้นที่ก่อสร้างปีละกว่า 20 ล้านตร.ม. คำนวณ 1 ตร.ม. ใช้แอร์ 1,000 BTU ประมาณปีละราว 20,000 ล้าน BTU และหากนำแนวคิดอาคารประหยัดพลังงานไปใช้จะสามารถจะลดการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 70% หรือ ลดใช้แอร์ลงกว่า 14,000 ล้าน BTU ต่อปี

 

อย่างไรก็ตามเรื่องการประหยัดพลังงานจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในระดับนโยบาย นอกจาก “กฎข้อบังคับ” ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายแล้ว “การส่งเสริม” ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการสร้างแรงจูงใจ ให้คนทดลองอยากจะหันมาทำ เช่นเดียวกับ BOI ที่เชิญชวนนักลงทุนมาลงทุน อาคารสีเขียวก็เหมือนกัน เช่น ให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ เหล่านี้ เป็นแรงขับเคลื่อนในการสนับสนุนในเชิงนโยบาย เป็นอัตราเร่งให้การเติบโตของอาคารเขียว เติบโตได้อย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้โดยภาพรวมดี

 

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ ตามมาเช่นเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ภัยแล้ง ปลูกอะไรไม่ได้ การแก้ปัญหาทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง การลดก๊าซเรือนกระจกถ้าเราช่วยกันทุกฝ่ายจะทำให้เรื่องนี้เกิดได้เร็วและมีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบเชิงบวกได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับโซลูชั่นนี้เป็นที่ตอบรับมากน้อยแค่ไหน ทำได้จริงหรือไม่ คุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ เหล่านี้เป็นความท้าทายที่จะต้องทำเรื่องนี้ให้เกิด” เทพฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

นวัตกรรมอาคารสีเขียว  ลด "คาร์บอน" ลดใช้พลังงานมากกว่า 70%

 

พันธมิตรอาคารสีเขียว

 

  • “Passive house” สถาบันอิสระที่ได้รับการยอมรับในเรื่องอาคารประหยัดพลังงานและคุณภาพอากาศภายใน ประเทศเยอรมนี
  • “Saint-Gobain” บริษัทวัสดุก่อสร้างที่เน้น Sustainability อายุมากว่า 350 ปี ประเทศฝรั่งเศส 
  • “Zehnder” ผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศ อายุองค์กร 125 ปี จากสวิตเซอร์แลนด์
  • “Schuco” เป็นบริษัททำเฟรมอลูมีเนียม สำหรับกระจกและหน้าต่างกันความร้อนสัญชาติเยอรมัน
  • “North Glass” บริษัทกระจกจากประเทศจีน โดยทำกระจกให้กับ Apple store สาขาต่างๆ ทั่วโลก
  • “SIGA” บริษัทผลิตเทปที่ใช้ในกระสวยอวกาศ ป้องกันการรั่วไหลของอากาศ มีประสิทธิภาพสูง โดยนำมาปิดขอบประตู หน้าต่าง ป้องกันอากาศรั่วไหล เพื่อไม่ให้แอร์ทำงานมากขึ้น
  • บริษัท สถาปนิก A49 ร่วมมือกันออกแบบอาคาร
  • Bouygues Thai ผู้รับเหมาชั้นนำของประเทศฝรั่งเศส
  • Thai Enger Holding บริษัทผู้รับเหมาไทย