กรมวิทย์เผยอาการ ผู้ติดโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.75 ในไทย

กรมวิทย์เผยอาการ ผู้ติดโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2.75 ในไทย

กรมวิทย์เผยอาการของผู้ติดโควิด-19 BA.2.75 ที่ จ.ตรัง 1 ราย ไม่มีอาการที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์อื่นๆ ตรวจเจอหลังพบไม่เข้ากับสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 จึงถอดรหัสทั้งตัว ยังไม่มีข้อมูลจะมาแทนสายพันธุ์อื่น

       เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีมีการตรวจพบผู้ติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ที่ จังหวัดตรัง ว่า เป็นการตรวจตามระบบเฝ้าระวังป้องกันสายพันธุ์ตามปกติของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กรณีนี้ ไม่ได้พบว่ามีความผิดปกติ แต่เป็นรอบการสุ่มตรวจสายพันธุ์ตามปกติ โดยทางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อตรวจเบื้องต้นแล้วพบว่าไม่เข้ากับสายพันธุ์ BA.4 หรือ BA.5 ที่มีในไทยจึงต้องส่งถอดพันธุกรรมทั้งตัว ก็พบว่าเป็นสายพันธุ์ BA.2.75 จึงได้รายงานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อทำการสอบสวนโรค พร้อมทั้งรายงานไปยังฐานข้อมูล GISAID เพราะสายพันธุ์ดังกล่าว ทางองค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวลที่ต้องจับตาดู (VOC-LUM) ส่วนอาการของผู้ติดโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 ที่จังหวัดตรัง 1 รายนั้น ยังไม่มีอาการที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์อื่นๆ

  “BA.2.75 มีความแตกต่างจากสายพันธุ์ BA.4 หรือ BA.5 หรือมีแนวโน้มจะมาทดแทนหรือไม่  ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดมากนัก เพราะในประเทศอินเดีย ซึ่งมีการระบาดของสายพันธุ์ BA.2.75 จำนวนมากนั้น เป็นเพราะที่อินเดียไม่มี สายพันธุ์ BA.4 หรือ BA.5  มากนักจึงอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ BA.2.75  ระบาดมากก็ได้ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอีกสักระยะ และระยะนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ไปรับวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง ลดความเสี่ยงการเสียชีวิต”นพ.ศุภกิจ กล่าว

       ด้าน นพ.ชัยรัตน์ ลำโป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง(นพ.สสจ.ตรัง) กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายดังกล่าว ตรวจพบ และเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2565 โดยในวันที่ตรวจเจอการติดเชื้อด้วย ATK ไม่มีอาการมาก เจ็บคอ ไอ ไม่มีปอดอักเสบ ตรวจสอบประวัติพบว่ามีโรคประจำตัวคือ โรคภูมิแพ้ โรคอ้วน ได้รับยารักษาตามอาการ มีประวัติการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 3 เข็ม อาการที่ปรากฏเป็นอยู่ 2-3 วันก็หาย แต่ก็ให้ดูแลตัวเองที่บ้านจนครบกำหนดตามเกณฑ์ ทั้งนี้คิดว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้ไม่มีอาการรุนแรง ส่วนเรื่องการสอบสวนโรคนั้น คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ทั้งหมด 4 ราย ไม่มีใครติดเชื้อแต่อย่างใด  ดังนั้นชาวตรังไม่ต้องกังวล

     สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ จังหวัดตรัง มีรายงานเข้าระบบวันละ1-2 ราย ไม่มาก สำหรับยารักษาโรคในพื้นที่ซึ่งมีอยู่หลายตัว บางตัวอาจจะพร่องไปบ้าง แต่ระบบบริหารจัดการภายในจังหวัด และระบบการขนส่งทำให้สามารถบริหารจัดการยาในพื้นที่ได้ แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ เรื่องของการฉีดวัคซีนคือ สิ่งสำคัญมากที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคหากติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้การฉีดวัคซีนในพื้นที่ตรังเข็ม 1 เข็ม 2  ถือว่าดีมาก ครอบคลุมประมาณ 80% แต่เข็มกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4 ยังน้อย ซึ่งภาพรวมของประเทศมีการฉีดเข็มกระตุ้นราวๆ 40-50% แต่ในพื้นที่ตรังมีความครอบคลุมวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียง 21-22% เท่านั้น ที่น่าห่วงคือ กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ฉีดเข็มกระตุ้นน้อย ครอบคลุมเพียง 16% เท่านั้น

         “มาตรการกระตุ้นการฉีดวัคซีนในพื้นที่ โดยมอบ อสม.เคาะประตูบ้านชวนคนมาฉีด แต่ก็ยังกระตุ้นได้ไม่มาก ตอนนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรังมีนโยบายให้รณรงค์ เชิญชวนในคลินิกเฉพาะกลุ่มโรค ส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุก็ได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด(พมจ.)และท้องถิ่น ซึ่งดูแลสวัสดิการด้านอื่นๆ และมีข้อมูลผู้สูงอายุอยู่ ขอให้รณรงค์เชิญชวนผู้สูงอายุมาฉีดวัคซีน และประสานไปยังสถานศึกษา และอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อให้สำรวจและจัดทำแผนการฉีดวัคซีนเข้ามาซึ่งทางเราพร้อมสนับสนุนวัคซีนซึ่งมีทุกชนิด และจัดส่งบุคลากรการแพทย์ไปฉีดวัคซีนให้” นพ.ชัยรัตน์ กล่าว 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์