"ตกขาว" สัญญาณเตือนภัยร้าย ชื่อว่า "มะเร็ง"

"ตกขาว" สัญญาณเตือนภัยร้าย ชื่อว่า "มะเร็ง"

“ตกขาว” ปัญหาระบบภายในที่กวนใจผู้หญิง เชื่อแน่ว่าส่งผลต่อความมั่นใจของสาวหลายคน แต่รู้หรือไม่ "ตกขาว" อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยร้าย ของภาวะ มะเร็งปากมดลูก หรือ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

        ครูก้อย-นัชชา ลอยชูศักดิ์ กรรมการ บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด และครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจเบบี้แอนด์มัม ให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์และโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ตามหลักวิทยาศาสตร์สำหรับผู้มีบุตรยาก  เผยว่า ตกขาวเป็นสารคัดหลั่งอย่างหนึ่ง ที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอดตามธรรมชาติ  มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และแต่ละช่วงของรอบเดือน และระดับฮอร์โมน สำหรับตกขาวที่ผิดปกติ จะสังเกตได้ว่า มีกลิ่นเหม็น คัน และอาจรุนแรงถึงติดเชื้อร่วมด้วย

 

           "ตกขาวที่ไม่ปกติ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือ เพศสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล หรือ จากมลภาวะภายนอกเกิดจากการสวมใส่กางเกงในที่อับชื้น ตากในสภาวะแวดล้อมมีฝุ่นละออง หรือตากในร่มจนเกิดเชื้อราและอับชื้น หรือใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีเคมีรุนแรงหรือซักล้างไม่สะอาด" ครูก้อย ระบุ

 

           ครูก้อย-นัชชา ยังกล่าวถึงลักษณะต่างๆของตกขาวที่ต้องพึงระวังด้วยว่า ตกขาวสีเทา เป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดจากการเพศสัมพันธ์ หากมีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

 

           ตกขาวสีเหลืองหรือสีเขียว  เป็นความผิดปกติที่อาจเกิดจากการ  โรคหนองใน เชื้อรา เชื้อไวรัส ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์
 

"ตกขาว" สัญญาณเตือนภัยร้าย ชื่อว่า "มะเร็ง"

           ตกขาวสีชมพูหรือ สีแดง พบได้จากการที่เพิ่งคลอดลูก หรือ เกิดจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก สาเหตุอาจเกิดมาจากโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก จึงควรไปพบแพทย์ทันที

 

           และ ตกขาวสีน้ำตาล มักเกิดจากการลอกตัวของมดลูกหรือประจำเดือนเก่าที่คั่งค้าง หากมีอาการคัน มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น และปัสสาวะแสบขัด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

         ครูก้อย-นัชชา กล่าวด้วยว่าสำหรับตกขาวที่ผิดปกติซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อในช่องคลอดนั้นเกิดขึ้นได้และมักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่

         1. ติดเชื้อราในช่องคลอด 

         ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ CANDIDA ALBICANS แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้ ทั้งนี้มีปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ อาการที่สังเกตได้คือ ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด

         2. ติดเชื้อแบคทีเรีย 

         เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวน ซึ่งมักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด อาการที่พบได้ทั่วไป คือ สีของตกขาวเป็นสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา  คัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย  

"ตกขาว" สัญญาณเตือนภัยร้าย ชื่อว่า "มะเร็ง"

            3. ติดเชื้อทริโคโมแนส

 

             เกิดจากเชื้อโปรโตซัว TRICHOMONAS VAGINALIS (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการที่พบได้คือ ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปากมดลูก 

        ครูก้อย-นัชชา กล่าวด้วยว่านอกจากนั้นยังมีตกขาวที่เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล มีภาวะเอสโตรเจนต่ำ กรณีนี้อาจมีภาวะ PCOS หรือภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง  โดยมักพบในสตรีภาวะวัยทองช่วงอายุ 48 ปีขึ้นไป แต่อาจเกิดกับสตรีที่อายุต่ำกว่า 40 ปีได้ หากเป็นผู้ที่เข้าสู่วัยทองก่อนกำหนด  กรณีที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ลอกเป็นสะเก็ด ลอกออกมาซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย พอแบคทีเรียมากินก่อให้เกิดการสะสมและหมักหมม ก่อให้เกิดอาการคันและเกิดเชื้อราต่างๆ กลายเป็นตกขาว สีเขียว หรือ เหลือง ส่งผลให้ช่องคลอดมีกลิ่น

  "ตกขาว" สัญญาณเตือนภัยร้าย ชื่อว่า "มะเร็ง"

          "สำหรับการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการตกขาว ต้องดูแลและรักษาระบบภายในของน้องสาวอย่างถูกต้อง และมีฮอร์โมนเพศหญิงที่สมดุลทานอาหารต่างๆ ที่ช่วยปรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ไม่ว่าจะเป็น “ไอโซฟลาโวน” ที่พบในโปรตีนที่สกัดจากถั่วเหลือง  สารสกัดจากตังกุย โสม ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สารสกัดจากทับทิม หรือว่าสารสกัดจากลูกยอ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของเพศหญิงและช่วยลดภาวะตกขาวได้ดี ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลจะช่วยชะลอปัญหาวัยทองก่อนกำหนด และช่วยให้รังไข่มีประสิทธิภาพในการผลิตไข่ ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่อยากมีบุตร อีกทั้งยังช่วยคืนความสาวทั้งระบบ ทั้งระบบภายในสตรี ฮอร์โมน และผิวพรรณอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มน้ำล่อลื่นในช่องคลอด ลดปัญหาช่องคลอดแห้ง และช่วยให้ชีวิตคู่กลับมาหอมหวานอีกครั้ง “ครูก้อย นัชชา” กล่าวสรุป