“อาการโควิดล่าสุด” รับมืออย่างไร เมื่อ “ไอ” และ “เจ็บคอ”

“อาการโควิดล่าสุด” รับมืออย่างไร เมื่อ “ไอ” และ “เจ็บคอ”

เช็กตัวเอง “ติดโควิด” หรือยัง ? อัปเดต “อาการโควิด” เบื้องต้น พร้อมวิธีรับมือกับอาการ “ไอ” และ “เจ็บคอ” จากกระทรวงสาธารณสุข

อาการ "ไอ และเจ็บคอ" เป็นหนึ่งใน “อาการโควิด” ที่สามารถพบได้ในทุกกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทั้งขณะที่ยังป่วยโควิด รวมถึงเป็นอาการลองโควิด ที่ยังมีการไอต่อเนื่องแม้ไม่พบเชื้อในร่างกายแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณะสุข ระบุว่าหาก ติดโควิดแล้วมีอาการไอหรือเจ็บคอ ให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อละลายและขับเสมหะ นอกจากนี้การดื่มน้ำขิงใส่มะนาวหรือน้ำผึ้งก็สามารถช่วยลดอาการได้เช่นกัน 

โดยสิ่งที่สำคัญคือผู้ป่วยที่มีอาการควรหลีกเลี่ยงอาหารระคายคอ อย่างของทอด ของมัน และกินยาแก้ไอตามคำแนะนำแพทย์ หากเจ็บคอร่วมให้กินยาแก้เจ็บคอหรือยาสมุนไพร 

  •  เช็กอาการโควิดล่าสุด 

ด้าน กรมวิทย์ฯ มีการแถลงข่าวการเฝ้าระวัง “โควิด-19” สายพันธุ์ “BA.4” และ “BA.5” ว่า จากการตรวจสายพันธุ์เบื้องต้นช่วงวันที่ 25 มิ.ย. - 1 ก.ค. 65 พบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 100% จำนวนนี้เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 ครึ่งหนึ่งคือ 51.58% เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนที่พบจากประมาณ 6.7% และ 44.3% คาดว่าอีกไม่นานจะแทนที่ตัวเก่า BA.2 ซึ่งขณะนี้พบ 47.15%

ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับอาการโควิด จาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ณ วันที่ 7 ก.ค. 65 ระบุ อาการโควิด-19 ที่พบได้บ่อย พบไม่บ่อย และอาการรุนแรงเบื้องต้น ดังนี้ 

  • อาการที่ทั่วไปที่พบบ่อย

- มีไข้
- ไอ
- อ่อนเพลีย
- สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส

  • อาการที่พบไม่บ่อย 

- เจ็บคอ
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- ท้องเสีย
- มีผื่นบนผิวหนัง หรือนิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี
- ตาแดงหรือระคายเคืองตา

  • อาการที่มีลักษณะรุนแรง

- หายใจลำบากหรือหายใจถี่
- สูญเสียความสามารถในการพูดหรือเคลื่อนไหว หรือมึนงง
- เจ็บหน้าอก

โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการป่วยใน 5–6 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจแสดงอาการหลังจากติดเชื้อ 14 วัน  

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด หรือมีอาการใกล้เคียงอาการโควิดตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น สามรถปฏิบัติตามขั้นตอนที่ สปสช. แนะนำ 

“อาการโควิดล่าสุด” รับมืออย่างไร เมื่อ “ไอ” และ “เจ็บคอ”

----------------------------------------

อ้างอิง: WHO, สปสช.