“อนุทิน”ระบุโควิด19  ผู้ป่วยหนัก-เสียชีวิตยังอยู่ระดับควบคุมได้

“อนุทิน”ระบุโควิด19  ผู้ป่วยหนัก-เสียชีวิตยังอยู่ระดับควบคุมได้

“อนุทิน”ระบุโควิด19  ผู้ป่วยหนัก-เสียชีวิตยังอยู่สถานการณ์ทั่วไประดับควบคุมได้  ระบบการคัดกรองผู้ป่วย-รักษาพยาบาล ยังมีประสิทธิภาพสูง ศักยภาพเพียงพอ ขอคนไทยรับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนด เดินหน้าเปิดประเทศมั่นใจปีนี้นักท่องเที่ยวเข้าไทยทะลุ 10 ล้านคนตามเป้า 

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2565 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมวสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประเทศไทยมีความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างไร ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อหลายประเทศพบเพิ่มสูงขึ้นอีก ภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “Meet & Greet Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง”ว่า  ต้องขับเคลื่อนทุกอย่างควบคู่กันไป ส่วนของประเทศไทย ยังเชื่อมั่นว่าระบบการคัดกรองผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และการให้การรักษาพยาบาล ดูแล ป้องกันยังมีประสิทธิภาพที่สูงอยู่ มาตรการต่างๆที่ได้ผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสะดวกสูงสุด ทำโดยการประเมินจากสถานการณ์และความพร้อมด้านระบบสาธารณสุชและบริการต่างๆ ประเทศต้องเดินไปแบบนี้  ซึ่งประเทศไทยยังได้รับความร่วมมือและความตระหนักจากประชาชน อยู่ระดับสูงกว่าประเทศทั่วโลกอื่นๆ 

         “ ในยุโรป หน้ากากอนามัยขายไม่ออกแล้ว ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย แม้มีการติดเชื้ออย่างมากมาย ก็อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ มั่นใจในเรื่องของความรุนแรงของโรค เวชภัณฑ์ที่ประเทศมีอยู่  ซึ่งประเทศไทยก็เช่นกัน มั่นใจว่ามีศักยภาพเพียงพอในการที่จะให้การดูแล รักษาผู้ติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้น จะพยายามทุกอย่างให้ได้ขับเคลื่อนไป โดยไม่เกิดสิ่งที่เป็นอันตรายบต่อสุขภาพประชาชนให้มากที่สุด”นายอนุทินกล่าว  

      ถามว่าการระบาดของสายพันธุ์ BA.4 /BA.5 กระทบต่อการเดินหน้าเปิดประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันคือโควิด19 ซึ่งเวลามีมาตรการป้องกันก็จะดำเนินการในทุกสายพันธุ์ ตราบใดที่ยังเป็นโควิดอยู่ ยังอยู่ในกรอบของการให้การดูแลและควบคุมสถานการณ์ วัคซีนที่ฉีดยังมีประสิทธิผบในการที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน

    ต่อข้อถามสธ.มีแผนรองรับแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น อย่าไปคิดว่า 3 เข็มแล้วพอแล้วหรือตอนนี้เชื้อไม่รุนแรงมากแล้วไม่ฉีด ซึ่งสธ.ยังยืนยันว่าการฉัดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะก่อให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการที่จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ  แม้ไม่ 100 % แต่ความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตประสิทธิภาพสูงมาก

     ผู้สื่อข่าวถามว่า สธ.มีการประเมินปัจจัยที่จะทำให้ต้องเพิ่มมาตรการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า  ด้านการติดเชื้อคงไม่ให้น้ำหนักมากนัก แต่การประเมินผู้ป่วยอาการหนักและใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องใช้บริการทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด รวมถึง ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่เป็นสถานการณ์ทั่วไป อยู่ในสภาพที่ควบคุมได้ ตราบใดที่จำนวนผู้สียชีวิตและผู้ป่วยหนักยังอยู่สภาพควบคุมได้ คงต้องดำเนินการมาตรการต่อไป ในด้านมิติป้องกันรักษามีความพร้อมในเรื่องวัคซีนที่เพียงพอ แต่คนมาฉีดต้องให้มากกว่านี้โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น เรื่องยา แพทย์ สถานพยาบาล เตียง เครื่องมือทางการแพทย์มีความพร้อมมาก มั่นใจว่าถ้ามีผู้ป่วยมากขึ้นสามารองรับได้ ขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นถ้วนหน้า  

        “ช่วงนี้ของปีที่แล้ว ที่ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีน การติดเชื้อแตกต่างกันจากปัจจุบันอย่างเห็นชัด แสดงว่าวัคซีนทำงานตามหน้าที่ของเขาอยู่ เมื่อมีการฉีดเข็มกระตุ้นมากขึ้น แม้ผู้ติดเชื้อไม่ลดลง ด้วยการกลายพันธุ์ของเชื้อ แต่ความุรนแรงเชื้อโรคนี้ไม่สามารถทำร้ายผู้ที่ติดเชื้อให้มีการเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยหนักได้”นายอนุทินกล่าว 

       ถามถึงการให้บริการท่องเที่ยวของประเทศไทยหลังจากนี้จะมีการปรับมาตรการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องเป็นการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน ต้องไม่เอาง่ายเข้าว่า ต้องไม่งก ถ้าคิดค่าบริการจากลูกค้า ต้องให้บริการที่ดีที่สุด อาหาร วัตถุดิบต้องมีคุณภาพ ไม่ใช่คิดแต่ลดต้นทุน แล้วเก็บราคาเท่าเดิม  นักท่องเที่ยวก็จะมาเที่ยวเดียว แต่ถ้าให้บริการเต็มที่อยู่ในมาตรฐาน และคุณภาพ ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ ซึ่งหากคิดราคาถูก คนมามาก แต่รายได้เท่าเดิมกลับเป็นการเพิ่มงานมากขึ้น เพราฉะนั้น ผู้ประกอบการทราบดี  ต่อไปนี้เน้นคุณภาพของบริการ มีความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าในบริบทต่างๆของการประกอบธุรกิจได้         

      ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  ในช่วงปี 2560-2562 มีนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยสูงสุดในปี 2562  จำนวน 39.8 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.01 ล้านล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นลำดับที่ 4 ของโลก ซึ่งในการดำเนินการธุรกิจบริการและท่องเที่ยวหลังจากนี้ ไม่ควรจะไปลดแลกแจกแถมจนเกินไป สำหรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในคราวนี้  โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะหารือกับผู้ประกอบการโรงแรมของจังหวัดต่างๆ และสมาคมโรงแรมแห่งประเศไทยในเรื่องการกำหนดราคา เพื่อดันราคาสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่คงไว้สำหรับราคาต้อนรับเฉพาะคนไทย ซึ่งอดีตทั้งคนไทยและต่างชาติถ้าเข้าแหล่งท่องเที่ยวอันดามัน หรือสุราษฎร์ธานี จะได้ราคานักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ยุคนี้ก็ขอให้มีการผ่อนคลาย  จะประชุมหารืแกับผู้ประกอบการ

      “ขณะนี้การตั้งเป้า 10 ล้านคนมั่นใจถึงแน่นอนในปีนี้ แต่การทำให้รายได้ครบ 1.5 ล้านล้านบาท  ตรงนี้เป็นเป้าที่ต้องวิ่งเข้าไปให้ได้ ต้องหาวิธีจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว เข้าไปท่องเที่ยวที่ไหน เพิ่มเวลาท่องเที่ย เพิ่มเวลาพักค้างในประเทศไทย และเชิญลงพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนที่มีสินค้าโอทอป ขณะนี้เทรนด์การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเทรนด์โลกที่นิยมมาก และการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนด้วย”นายพิพัฒน์กล่าว