BA.4/BA.5 ครองระบาดในไทยกว่า 45 % เคยติด "โควิดโอมิครอน"แล้วติดซ้ำได้ 

BA.4/BA.5 ครองระบาดในไทยกว่า 45 % เคยติด "โควิดโอมิครอน"แล้วติดซ้ำได้ 

กรมวิทย์เผยโควิด19 โอมิครอนย่อย BA.4/BA.5 ครองพื้นที่ระบาดในไทยกว่า 45 % เคยติดโอมิครอนอื่นแล้วติดซ้ำได้  ยังไม่มีรายงานอาการหนัก-เสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้เข้ามา  จับตาอีก 2-3 สัปดาห์ถึงจะเห็นแนวโน้มจริงการระบาดสายพันธุ์นี้ในไทย

      เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าว  การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อว่า  จากการที่กรมได้มีการกเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง  ข้อมูลระหว่างวันที่ 18-22 มิ.ย.2565  โดยสุ่มตรวจจากกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศและกลุ่มอื่นๆภายในประเทศ จำนวน 396 ราย พบเป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 จำนวน 2 ราย BA.2 จำนวน 213 ราย และ BA.4/BA.5 จำนวน 181 ราย  ได้มีการส่งรายงานเข้าไปยังระบบฐานข้อมูลโควิด19โลก( GISAID) แล้ว ภาพรวมสัดส่วนสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยขณะนี้เป็น โอมิครอน BA.1 คิดเป็น 0.5 %  BA.2 คิดเป็น 53.8 % และ BA.4/BA.5 คิดเป็น 45.7 %

      ในช่วงสัปดาห์ก่อนมีการส่งตัวอย่างเข้ามาตรวจมากขึ้น จากทั้งโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่ง การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวพบ BA.4/BA.5 ราวๆ 81 ตัวอย่าง กำลังจะรายงานเข้าไปยัง GISAID แต่ตัวเลขอาจจะทับซ้อนกับรายงานก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่ามีการพบสายพันธุ์ย่อยนี้ประมาณ 200 ตัวอย่างนิดๆ ส่วนใหญ่พบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ศูนย์ตรวจ เลยส่งตรวจมามาก แต่ไม่ใช่ว่าพบความผิดปกติเลยส่งมาตรวจ แต่เพราะติดตามสถานการณ์โลก จึงเฝ้าระวังกันมากขึ้น โดยในจำนวนนี้ 72.7% เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ อีก 27.3% เป็นการติดเชื้อในประเทศ และคงต้องรออีก 2-3 สัปดาห์ถึงจะเห็นแนวโน้มจริงของการระบาดของสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย

      “ยังไม่มีรายงานผู้ที่มีอาการหนัก หรือเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้เข้ามา ส่วนพื้นที่กทม.ที่มีรายงานอาการหนักครองเตียงเพิ่มขึ้นนั้น  ไม่ได้มีการตรวจหาสายพันธุ์ในกลุ่มผู้มีอาการหนักตรงนี้ ส่วนเรื่องยารักษาโรคปัจจุบันที่มีอยู่นั้นยังสามารถรักษาได้  อีกทั้ง ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าจะรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่ แต่คนที่เคยติดเชื้อโอมิครอน BA.1 BA.2 มาก่อนสามารถติดเชื้อ BA.4 BA.5 ซ้ำได้ โดยคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะพบว่า เมื่อมาติด BA.5 ภูมิคุ้มกันที่จะสู้กับเชื้อลดลงไป 6-7 เท่า ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันที่จะสู้กับเชื้อลด 1-2 เท่า”นพ.ศุภกิจกล่าว  

       นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า ถ้าฉีดวัคซีนและภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงมากพอจะสู้ได้มากกว่าคนไม่ฉีดวัคซีน การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นยังจำเป็น เพราะช่วยให้มีภูมิคุ้มกันมากพอ ช่วยลดความรุนแรงและอาการต่างๆ และมีมาตรการป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม แม้จะมีการออกคำแนะนำว่าให้ใส่ตามสมัครใจ แต่การสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือเป็นความตระหนักรู้ของประชาชน ขอให้ถามตัวเองว่าหากเราอยู่คนเดียวไม่มีปัญหาอะไรอยู่ห่างไกลจากผู้คนก็ถอดได้ แต่ถ้าตอนไหนที่คิดว่ามีความจำเป็นไปพูดคุยกับคน ก็ใส่ไว้ป้องกันหลายโรคได้”นพ.ศุภกิจ กล่าว

     นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกด้วยว่า สถานการณ์ทั่วโลก ขณะนี้เหลือเพียงสายพันธุ์โอมิครอนเท่านั้นที่ถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ตอนนี้แทบไม่มีสายพันธุ์อื่นๆ หลงเหลืออยู่เลย ทั้งนี้ในส่วนของโอมิครอนนั้นมีสายพันธุ์ย่อยหรือลูกหลานที่น่ากังกวล คือ BA.2.12.1 , BA.2.9.1 BA.2.11 BA.2.13 และ BA..4 BA.5  แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ BA.4 BA.5  แต่เพราะมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับสายพันธุ์เดลตา ทำให้เกิดอันตรายกับปอดมากขึ้น จึงมีความกังวลว่าโอมิครอน BA..4 BA.5 จะแพร่เร็ว และมีความรุนแรงเหมือนกับสายพันธุ์เดลตา

     อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก หรืWHO มีการวิเคราะห์ข้อมูลในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายพบว่าสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนตัวอื่นๆ มีการติดเชื้อลดลง มีเพียงสายพันธุ์ BA.5 เท่านั้น ที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 16 % เป็น 25 % จึงต้องจับตาใกล้ชิดในสายพันธุ์ BA.5 มากกว่า