ชีวิตแบบปกติใหม่ "โควิด19" อีก 1 ปีครึ่ง

ชีวิตแบบปกติใหม่ "โควิด19" อีก 1 ปีครึ่ง

ปรับการแจ้งเตือนภัย “โควิด” จากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดที่ลดลง คนไทยควรฉีดวัคซีนอย่างเข็มกระตุ้นอย่างน้อย 3 เข็มเพราะผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน การสวมหน้ากากอนามัยของประชาชนคนไทย คือความปกติใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง

สถานการณ์โควิด 19 ตัวเลขติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 3 ระยะขาลง (Declining) วันที่ 1 ก.ค.ร้านอาหารผับบาร์ สถานบันเทิงทั่วประเทศจะเปิดให้บริการได้ถึงตี 2 และยกเลิก Thailand Pass ทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้าไทยแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนครบโดสหรือผลตรวจโควิด19 เป็นลบเท่านั้น และปรับการแจ้งเตือนภัย “โควิด” จากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดที่ลดลง

มีความเป็นไปได้สูงที่ วันที่ 1 ก.ค.2565 จะเป็น Post Pandemic เพราะระยะหลังการระบาด ซึ่งมี 50 จังหวัดอยู่ในทิศทางลดลง มีเพียง 17 จังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กๆ ได้แก่ กทม. ภูเก็ต อุบลราชธานี ชัยนาท ตราด ยโสธร อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ สตูล ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี เพชรบุรี สมุทรสาคร กระบี่ และพิจิตร จึงต้องให้มีมาตรการป้องกันเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เป็นภาระในเรื่องการรักษา

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้นำเสนอคาดการณ์พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด 19 ช่วงก.ค.2565-ธ.ค.2566 หรือในอีก 1 ปีครึ่ง ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ระบุว่า ระยะ Post Pandemic คาดการณ์ว่าอาจจะมีการระบาดระลอกเล็กๆ เกิดขึ้นมาได้บ้างเป็น Small Wave เนื่องจากประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อโรคลดลงหลังได้รับวัคซีนเกิน 6 เดือนหลังฉีดเข็มล่าสุด ลดการสวมหน้ากากอนามัยและเลี่ยงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคราว 30% ในสถานที่/กิจกรรมเสี่ยง และพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานที่/กิจกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะหลังเทศกาล

ดังนั้น เพื่อให้ป้องกันและควบคุมสถานการณ์ระบาดได้คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้ให้คำแนะนำการให้วัคซีนโควิด-19 ว่าคนไทยควรฉีดวัคซีนอย่างเข็มกระตุ้นอย่างน้อย 3 เข็มเพราะผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน ภูมิคุ้มกันจะลดลง และสามารถฉีดเข็มกระตุ้นได้ทุก 4 เดือน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงกลุ่มคนที่ทำงานกับผู้ป่วยหรือคนเสี่ยง รวมทั้งกรณีที่ไปตรวจแล้วภูมิคุ้มกันไม่ขึ้น หรือจะเดินทางไปต่างประเทศ สามารถขอรับบริการได้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนทุกจุด

การสวมหน้ากากอนามัยของประชาชนคนไทย คือความปกติใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ปีครึ่ง จะถอดหน้ากากก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัย เช่นอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นแต่เว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด และพื้นที่ระบายอากาศได้ดี และจะสวมใส่หน้ากากทันทีที่ทำกิจกรรมแล้วเสร็จ ส่วนกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์, ผู้ติดเชื้อ, ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นแต่ไม่สามารถเว้นระยะห่าง

แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ภายนอกอาคาร หรือ ที่โล่งแจ้ง มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อนั่นเอง