โควิดพ่นพิษ! เจ้าของธุรกิจรายเล็กในสหรัฐ ประสบภาวะ "หมดไฟ"
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอด ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กหลายแสนรายในสหรัฐต้องปิดตัวลง ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการจ้างงานเท่านั้น จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า โควิดยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเจ้าของธุรกิจอีกด้วย
จากผลการสำรวจชิ้นใหม่ของ Capital One Business บริษัทให้บริการทางการเงินของสหรัฐ พบว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กต่างรู้สึกว่าสภาพจิตใจย่ำแย่และสูญเสียความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการบังคับใช้มาตรการของรัฐ ทั้งการล็อกดาวน์ และสั่งปิดกิจการบางประเภท ที่คาดเดาไม่ได้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ การลาออกครั้งใหญ่ของแรงงานสหรัฐ (Great Resignation) ที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังไม่ได้ดีขึ้นมาก ล้วนส่งผลให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเผชิญหน้ากับภาวะหมดไฟ
เจนิซ ลิตวิน ผู้เขียนหนังสือ Banish Burnout Toolkit ที่แนะแนวทางวิธีการกำจัดความเครียดจากภายในสู่ภายนอก กล่าวว่า “ปริมาณงานที่มากเกินไปและกำหนดส่งงานที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นสาเหตุหลักของภาวะหมดไฟ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้คำนิยามของภาวะหมดไฟไว้ว่า เป็นความเครียดเรื้อรั้งที่ไม่สามารถควบคุมได้”
ภาวะหมดไฟนี้สามารถสร้างวิกฤติได้ในทุกองค์กร แต่วิกฤติครั้งนี้อาจเลวร้ายยิ่งกว่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้าของไม่มีคนคอยช่วยเหลือ จากข้อมูลของสถาบันบริหารจัดการธุรกิจขนาดย่อมแห่งสหรัฐ พบว่า ธุรกิจขนาดเล็กกว่า 25.7 ล้านแห่ง หรือคิดเป็น 81% ไม่มีการจ้างพนักงาน
ผลการสำรวจของ Capital One Business
Capital One Business ทำการสำรวจข้อมูลเชิงลึกของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐซึ่งมีรายได้ต่อปีน้อยกว่า 20 ล้านดอลลาร์ จำนวน 1,000 ราย ที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาถึง 2 ปี โดยทำการสำรวจทางออนไลน์ ระหว่างช่วงวันที่ 17-21 พ.ย. 2564 ผลการสำรวจแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ
1. ความเหนื่อยล้าและภาวะหมดไฟ
42% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ทำแบบสอบถามกำลังประสบกับปัญหาภาวะหมดไฟ หรือภายในเดือน ต.ค. 2564 เผชิญกับภาวะหมดไฟ หลังจากที่ประสบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าของธุรกิจที่เป็นคนกลุ่มน้อยในสังคม กว่า 62% กำลังประสบกับภาวะหมดไฟเช่นกัน
นอกจากนี้ เจ้าของธุรกิจมากกว่าครึ่งหรือ 53% ระบุว่า ภาวะหมดไฟเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ขณะที่ 35% เห็นว่าการได้รับแรงสนับสนุนจากภายนอก หรือใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าช่วย สามารถต่อสู้กับภาวะหมดไฟได้
เจ้าของธุรกิจเกือบครึ่งหนึ่งถึง 49% มีความกังวลเกี่ยวกับงบการเงินของธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ 26% ของเจ้าของธุรกิจ เปิดเผยว่า จัดการสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงานได้แย่กว่าในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
2. ทำงานไม่มีวันหยุด
ในปีที่ผ่านมา มีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ทำงานไม่มีหยุดเลยถึง 52% ยิ่งไปกว่านั้น 60% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กไม่ได้หยุดงานเกิน 1 สัปดาห์เลย ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 รวมถึงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก 53% ยังคงทำงานในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวอีกด้วย
แม้ว่า 50% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะยอมรับว่าการนอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอจะสามารถช่วยให้พวกเขามีแรงต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและภาวะหมดไฟ แต่มีเจ้าของธุรกิจถึง 32% ที่ยอมรับว่า การดำเนินธุรกิจในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้ประสิทธิภาพในการนอนหลับของพวกเขาแย่ลง
3. การขาดแคลนแรงงาน
ผลกระทบจากการลาออกครั้งใหญ่ของแรงงาน ส่งผลให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กกว่า 44% ต้องทำงานหนักขึ้น เนื่องจากขาดแรงงานในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อช่วยชดเชยภาระงานในปีที่ผ่านมา เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กบางรายประมาณ 13% ต้องจ้างพนักงานประจำเพิ่มขึ้น และขณะที่พนักงานเดิมที่มีอยู่ก็ถูกมอบหมายงานเพิ่มขึ้น
4. อนาคตทางธุรกิจ
เมื่อสอบถามถึงมุมมองของการดำเนินธุรกิจในอนาคต เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมองว่า ในปีนี้และตลอดปีหน้าธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้ และกว่า 57% ยังตั้งมั่นจะดำเนินธุรกิจต่อไป แม้ว่ายังต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ 59% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมีแรงบันดาลใจมากขึ้นที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เสียอีก อีกทั้ง 63% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กคาดว่าสภาพธุรกิจตนจะดีขึ้นภายในปีนี้
จากการพิจารณาสถานะปัจจุบันของสภาพเศรษฐกิจและธุรกิจของตน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก 52% คาดหวังว่าความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงานจะดีขึ้นใน 6 เดือนข้างหน้า
คำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก
ลิตวิน ตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมักมีความมุ่งมั่นและหลงใหลในธุรกิจของตนอย่างมาก ดังนั้นภาวะหมดไฟอาจเกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังหมดไฟ ?
ลิตวินแนะนำให้ลองสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตนเองว่า มีความคิดที่ไม่อยากจะทำในสิ่งที่เคยทำอยู่ประจำหรือไม่ เช่น รู้สึกว่าอีเมลเข้ามามากเกินไป รวมไปถึงความคิดที่พยายามจะหลีกเลี่ยงการไปทำงาน เช่น อยากจะนอนเฉย ๆ อยู่บนเตียงจนถึงเที่ยง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เริ่มมีอาการหงุดหงิดหรือโกรธเกรี้ยวใส่คนที่ตัวเองรัก นี่คือสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ากำลังมีบางอย่างรบกวนจิตใจของ นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟได้อีก เช่น ปัญหาการนอนหลับ ปัญหาทางเดินอาหาร และมีอารมณ์ขุ่นมัวทั้งวัน เป็นต้น
