ดีเดย์ 9 มิ.ย.นี้แน่ ปลดล็อกกัญชา "อนุทิน" ลั่นไม่ชะลอ - ไม่ยืดเวลา

ดีเดย์ 9 มิ.ย.นี้แน่ ปลดล็อกกัญชา "อนุทิน" ลั่นไม่ชะลอ - ไม่ยืดเวลา

“อนุทิน” ย้ำ 9 มิ.ย.นี้ปลดล็อกกัญชา ลั่นไม่ชะลอยืดเวลา สภาฯ ขยับเวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงเร็วขึ้น  กำชับใช้ทางที่ถูกต้องอย่าไปสายมืด ยังเข้าข่ายผิดกฎหมายยาเสพติด

  เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแสดงจุดยืน "การปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม" พร้อมร่วมกับ 8 หน่วยงาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมการใช้กัญชา กัญชง ดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) แพทยสภา สภาการแพทย์แผนไทย สภาเภสัชกรรม และสภาการพยาบาล พร้อมอีก 3 หน่วยงานที่ร่วมลงนามเป็นพยาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

       นายอนุทิน  กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขว่า การปลดล็อกกัญชา กัญชงในครั้งนี้ มีเป้าหมาย 3 เรื่อง  คือ 1.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ Health & Medical 2.ให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพร และอาหาร รวมถึงส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม  Beauty /Product & Innovation และ 3.เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง
         สธ. มีนโยบายสนับสนุนการใช้ ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยช่วงแรกได้ผลักดันให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และการวิจัย จากนั้นได้ต่อยอดมาเพิ่มมูลค่ากลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชา และกัญชง ออกสู่ตลาดอย่างหลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป ประกาศ สธ. เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 จะมีผลบังคับใช้  มีผลให้ควบคุมเฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่มีสาร THC เกิน 0.2% เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5

     ส่งผลให้สามารถนำส่วนต่างๆ ของ พืชกัญชา กัญชง มาพัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพรได้ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกัญชา กัญชงในประเทศไทย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อยากทำความเข้าใจ เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างถูกต้องว่า ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพได้ง่าย ผ่านการจดแจ้ง ส่งผลให้ลดรายจ่ายด้านการรักษาและเพิ่มทางเลือกในการดูแลสุขภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา กัญชง สามารถทำได้ ไม่มีผูกขาด แต่ขอให้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการให้เกิดความหลากหลายของการพัฒนาสมุนไพร ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมีการควบคุมการผลิตสารสกัดให้มีคุณภาพมาตรฐาน และมีมาตรการป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด  

        "การใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ไม่สนับสนุนการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนทั่วไป เด็ก เยาวชน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาพำนักหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย ตระหนักถึงประโยชน์และโทษจากการใช้กัญชา กัญชง มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างเข้าใจ ทำให้เกิดการรับรู้ของสังคมในวงกว้างในการต่อต้านการใช้กัญชา กัญชง ที่ไม่เหมาะสม โดยขอให้ประชาชนใช้ให้ถูก ใช้ให้เป็น ใช้กัญชา กัญชงอย่างเข้าใจ เพื่อสร้างคุณประโยชน์เท่านั้น หลังวันที่ 9 มิ.ย.65 เป็นต้นไปการขับเคลื่อนกัญชาจะมีรูปธรรมชัดเจนมากยิ่งขึ้น " นายอนุทิน กล่าว

       เมื่อถามถึงแนวทางการควบคุมการนำไปใช้ในทางไม่เหมาะสมเกิดผลลบต่อสุขภาพ นายอนุทิน กล่าวว่า กฎหมายยังตราอยู่ ใช้การอธิบายผ่านไปยังวิปสภาผู้แทนราษฎร ขอร่นการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง  เข้ามาให้อยู่ในลำดับต้นๆ ภายในสมัยประชุมสภาฯ ครั้งนี้ ได้รับรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ จากวิปฯ ว่าได้รับการพิจารณาร่นเข้ามาในลำดับต้นๆ แล้ว ในช่วงที่ พ.ร.บ.ยังไม่ออกมา ก็มีข้อกำหนดการใช้ มีแอปพลิเคชันปลูกกัญ หากใช้ในอุตสาหกรรมมีการแปรรูปก็ต้องขออนุญาตจาก อย. แต่หากใช้ในครัวเรือนไม่เป็นไร และจะปลูกเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้ใช้ในครัวเรือน และมาจดแจ้ง ขอให้ทำตามที่จดแจ้ง ใช้ในครัวเรือนรั้วรอบขอบชิด ไม่ใช่นำมาใช้ทางสาธารณะ ส่วนการใช้ทางการแพทย์ก็มีข้อกำหนดชัดเจนว่าจะต้องใช้ส่วนผสมของกัญชาที่มีสารต่างๆ เช่น สาร THC ไม่เกิน 0.2%
      “อะไรที่นอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าเป็นโทษและอยู่ในประเภทของยาเสพติดประเภทที่ 5 ซึ่งก็มีกฎหมายบังคับใช้ ไม่ได้อยู่ในการยกเว้น ดังนั้นหากไม่อยู่ภายใต้ สาร THC 0.2 % หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ได้อยู่ในกรอบการจดแจ้งหรืออนุญาตถือว่าผิดกฎหมายต้องรับโทษตามพ.ร.บ.ยาเสพติด”นายอนุทิน กล่าว    

         ผู้สื่อข่าวถามว่าขอให้ย้ำชัดเจนว่าในบ้านมิดชิดสูบได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ย้ำ อยู่ที่จิตสำนึก มีกฎหมายอยู่ไม่เคยรณรงค์ให้มีการสูบกัญชาเพื่อผ่อนคลายใดๆ ก็ตาม เพราะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่จะนำกัญชาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ สธ.นำพืชกัญชามาใช้เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ การนำมาสูบไม่เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นโทษด้วย แม้ไม่มีกฎหมายฉบับนี้ ไม่ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คนที่สูบก็ยังสูบอยู่ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็สามารถไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากใครเห็นแล้วก่อให้เกิดความรำคาญ สธ.โดยกรมอนามัยกำลังจัดทำร่างคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข เรื่อง แนวทางควบคุมเหตุรำคาญจากกลิ่นและควันของกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกัน  เพื่อเป็นแนวทางสำหรับราชการส่วนท้องถิ่นใช้ควบคุมเหตุรำคาญ ซึ่งคณะกรรมการสาธารณสุขจะประชุมวันที่ 30 พ.ค.นี้

    “ที่มีคนเสนอให้มีการชะลอการปลดล็อกกัญชาออกไป ผมไม่มีเจตนารมณ์ใดๆ จะยืดเวลาออกไป จะเอาโทษน้อยนิดที่เลี่ยงได้มาแลกกับประโยชน์ประชาชนที่ได้ใน 3 มิติดังกล่าว คงเป็นการแลกที่ขาดทุน ไม่คุ้ม เพราะฉะนั้นขอให้ใช้กัญชาอย่างเข้าใจก็จะมีมูลค่า และส่งเสริมการนำไปใช้ที่ถูกต้อง” นายอนุทิน กล่าว

 

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์