ไทยมี “วัคซีนฝีดาษ”แช่แข็งกว่า 40 ปี ป้องกันฝีดาษลิงในไทย

ไทยมี “วัคซีนฝีดาษ”แช่แข็งกว่า 40 ปี ป้องกันฝีดาษลิงในไทย

สธ.เผยไทยมี “วัคซีนฝีดาษ”แช่แข็งกว่า 40 ปี ในคลังองค์การเภสัชฯ น่าจะยังมีประสิทธิภาพใช้ได้ป้องกันฝีดาษลิงในไทย กรมวิทย์ตรวจเบื้องต้นเพาะเชื้อยังขึ้นได้ดี 

     เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข(สธ.)  กล่าวถึงการหารือกับองค์การอนามัยโลก(WHO)เรื่อง วัคซีนป้องกันฝีดาษลิง ว่าหากมีความจำเป็นก็จะให้การสนับสนุนตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้นำวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโรคฝีดาษ โรคไข้ทรพิษที่มีการแช่แข็งเก็บรักษาไว้โดย องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ส่งไปยัง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าการเพาะเชื้อต่อโรคเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ ใช้องค์ความรู้นำมาทำเป็นวัคซีนหรือยารักษาโรค ซึ่งหากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็สามารถประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆ ได้ ทั้งนี้ การตระหนักรู้และป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญและดีที่สุด

“วัคซีนที่แช่แข็งไว้ แต่เก็บมากว่า 40 ปีก็ต้องนำมาตรวจดูว่าเชื้อยังใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลก ก็ยังไม่ได้บอกว่าวัคซีนนี้ตรงกับสายพันธุ์ของโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน จึงต้องพึ่งพาตัวเองในทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ได้อยู่เฉย” นายอนุทินกล่าว
      ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. กล่าวว่า  วัคซีนฝีดาษที่สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้นั้น องค์การเภสัชกรรม(อภ.)มีการเก็บแช่แข็งไว้กว่า 40 ปี เมื่อส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำไปเพาะเชื้อแล้วพบว่าสามารถเพาะเชื้อได้ แปลว่าวัคซีนน่าจะยังมีประสิทธิภาพ
      นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กล่าวว่า เมื่อมีผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยก็ตรวจ หากยังไม่มีผื่นก็สวอเชื้อจากจมูก เพื่อทำ RT-PCR แต่หากมีผื่นแล้วก็สวอปจากผื่นที่มีโอกาสเจอเชื้อมากกว่า ดังนั้น หากผู้ที่มาจากแอฟริกา อังกฤษ ที่เริ่มมีไข้ มีความเสี่ยงสูงก็นำมาตรวจ แต่ช่วงที่เริ่มแพร่เชื้อคือช่วงที่ออกผื่น ทำให้สังเกตได้ คนก็จะเลี่ยงการสัมผัสได้

   สำหรับ การตรวจวัคซีนฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรมเก็บรักษาไว้ เป็นวัคซีนที่เก็บมากว่า 40 ปีในลักษณะผงแช่แข็ง (Dry freeze) มีประมาณ 1 หมื่นโดส กรมจึงนำมาตรวจดูซึ่งต้องใช้เวลาอีกซักพักหนึ่งเพื่อให้ทราบว่ามีความปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อน และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้หรือไม่ เพราะข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2523 ที่ไทยหยุดปลูกฝีดาษคน(Smallpox) ระบุว่าป้องกันได้ 85% เป็นข้อมูลเก่า แต่ฝีดาษตัวปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล 

       “ผลตรวจวัคซีนเบื้องต้นพบว่าเป็นการนำเชื้อเป็นที่มีชีวิตมาน็อกไว้ เมื่อนำมาเพาะเชื้อก็โตเร็วมาก แต่ยังต้องรอกระบวนการตรวจอีกยาว โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูว่าต้องตรวจอะไรอีก หากจะใช้จริง ต้องทำอย่างไร และถ้าเจอคนไข้ในประเทศเมื่อไหร่ จะนำเชื้อปัจจุบันมาเพาะ เทียบกับภูมิคุ้มกันจากเลือดของคนที่ได้รับวัคซีนฝีดาษก่อนปี 2523 มาตรวจดูว่ายังสู้กับเชื้อได้หรือไม่” นพ.ศุภกิจกล่าว