FAST สัญญาณเตือน "อัมพฤกษ์" อัมพาต รู้เร็ว รักษาให้ทัน

FAST สัญญาณเตือน "อัมพฤกษ์" อัมพาต รู้เร็ว รักษาให้ทัน

"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" แนะ อาการเตือนสำคัญ "อัมพฤกษ์" "อัมพาต" หรือ "โรคหลอดเลือดสมอง" ที่สังเกตได้ด้วยตนเองตามหลัก FAST เนื่องในวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก หรือ วันหลอดเลือดสมองโลก 24 พฤษภาคม

 

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้สูญเสียการทำงานอย่างเฉียบพลัน ข้อมูลจาก ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า เป็นสาเหตุความพิการและเสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ พิการ ปีละ 2.5 แสนรายต่อปีและเสียชีวิตจำนวน 5 หมื่นรายต่อปี

 

วันนี้ (24 พ.ค. 65) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เกี่ยวกับสัญญานเตือนโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องในวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก หรือ วันหลอดเลือดสมองโลก 24 พฤษภาคมของทุกปี ตามที่ องค์การอนามัยโลก กำหนด

 

ทั้งนี้ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่คนไทยเป็นกันมากติดอันดับต้นๆ ซึ่งเกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงในส่วนต่างๆ เพราะเกิดจากการอุดตันของเส้นเลือด

FAST สังเกตอาการเตือน

 

อาการเตือนสำคัญที่สังเกตได้ด้วยตนเองตามหลัก FAST คือ

 

F = Face  ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า ตามัวเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก
A = Arm  อาการแขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง
S = Speech  ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดลำบาก
T = Time  เวลาที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

 

การป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต 

 

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอเช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
  • ควบคุมอาหาร ลดอาหารเค็ม มัน หวาน
  • ควรเพิ่มปริมาณผักผลไม้ในแต่ละวัน
  • ควรควบคุมความดัน ไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตในอนาคต

 

FAST สัญญาณเตือน "อัมพฤกษ์" อัมพาต รู้เร็ว รักษาให้ทัน

สังเกตอาการ รีบรักษาภายใน 3 ชม.

 

ข้อมูลจาก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)  สำหรับผู้ที่มีญาติใกล้ชิด หรือพบผู้ป่วยโรคดังกล่าว สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน มึนงง วิงเวียน ทรงตัวไม่ได้ ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ ซึ่งส่วนมากทุกอาการจะเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างฉับพลัน ดังนั้น ผู้พบเห็นต้องรีบขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ โทรสายด่วน 1669 เพื่อนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างทันที

 

โดยต้องระลึกเสมอว่า การรักษาผู้ป่วยโรคนี้จะต้องรีบส่งเข้ารักษาภายในเวลา3 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยจะลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือพิการ โดยแพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดชนิดฉีดผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous recombinant tissue-type plasminogen activator)

 

ซึ่งสาเหตุที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากภายใน 3 ชั่วโมงแรกเซลล์สมองยังไม่ถูกทำลายอย่างถาวร และตัวยานี้จะกระจายเข้าไปละลายลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองทันที ช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองดังเดิม