3 อันดับพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในยุคโควิด19

3 อันดับพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในยุคโควิด19

รมช.สธ.เผย 3 อันดับพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในยุคโควิด19 ส่วนพฤติกรรมไม่เปลี่ยนแปลงเลย คือ การดื่มแอลกอฮอล์/สูบบุหรี่ ถึง 55.48% แนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพสู่วิถีชีวิตใหม่ตามหลักการสุขศึกษา

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 ที่อาคารสาธารณสุขวิศิษฏ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จ.นครปฐม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการสุขศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “ล้มหรือรุก : ปรับพฤติกรรมสู่ชีวิตใหม่” พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พฤติกรรมสุขภาพวิถีชีวิตใหม่” ว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะด้านพฤติกรรมสุขภาพ จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนไทยในยุคโควิด 19 จำนวน 1,218 คน โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
            พบว่า พฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง อันดับ 1 คือ การไปร่วมงานสังสรรค์ งานมงคล งานอวมงคล 90.50% อันดับ 2 การเดินทางท่องเที่ยว และอันดับ 3 การรับประทานอาหารนอกบ้าน ส่วนพฤติกรรมของประชาชนที่ “ไม่เปลี่ยนแปลงเลย” คือ การดื่มแอลกอฮอล/สูบบุหรี่ 55.48% และพฤติกรรมของประชาชนที่ “เกิดขึ้นใหม่” คือ การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา/เลือกซื้อหน้ากากหลายแบบมากขึ้น 90.12% นอกจากนี้ ความพึงพอใจต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในยุคโควิด 19 ค่อนข้างพึงพอใจถึง 35.48% ไม่ค่อยพึงพอใจ 27.79%

นายสาธิต กล่าวด้วยว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพสู่วิถีชีวิตใหม่ตามหลักการสุขศึกษา รักษาระยะห่างทางกาย ดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในแนวทางปฏิบัติเดียวกัน จะทำให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโรคโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น จึงร่วมกับทุกภาคส่วนลดการระบาดและอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การขนส่ง การเดินทาง การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการสัมผัส เป็นต้น
      รวมถึง ย้ำมาตรการ “VUCA” V-Vaccine เร่งรัดการฉีดวัคซีน, U-Universal Prevention ใช้มาตรการป้องกันตนเองสูงสุด, C-COVID Free Setting สถานประกอบการใช้มาตรการพื้นที่ปลอดโควิด 19 และ A-ATK ใช้ชุดตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคน นอกจากนี้ ประชาชนควรมีความรู้ที่ถูกต้อง โดยรับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ไม่แชร์ข้อมูลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม มาตรการในการป้องการแพร่ระบาด และการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เกิดการปรับพฤติกรรมสุขภาพสู่ชีวิตใหม่ที่ยั่งยืนต่อไป

     “วันนี้เดินมาถึงจุดที่ โควิด19จะเป็นโรคประจำถิ่น อัตราการเจ็บหนักและเสียชีวิตค่อยๆลดลง  การเดินไปสู่โรคประจำถิ่น ก็จะเดินหน้าต่อไป แม้องค์การอนามัยโลก(ฮู)ไม่พูดชัด แต่ไทยก็จะเดินหน้าในเรื่องมาตรการ แต่โควิดก็น่าจะจบ ภายในปลายปีนี้  แต่สิ่งที่ยังกังวลคือการกลายพันธุ์ของเชื้อ  ซึ่งเกิดได้ 2-3 ปัจจัย คือ การติดเชื้อในวงกว้าง และยังไม่ฉีดวัคซีนจำนวนมาก  กำลังติดตามที่เกาหลีเหนือ หากมีการกลายพันธุ์อีก ก็อาจจะมีต่อไปอีก ทั้งนี้ สธ.พยายามทำทุกทางให้ประชาชนฉีดวัคซีนเข็ม 3ได้ครอบคลุมตามที่ตั้งไว้”นายสาธิตกล่าว