“ฮับ” การแพทย์ ความกล้าของผู้นำ

“ฮับ” การแพทย์ ความกล้าของผู้นำ

ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งจะเปิดสำนักงานในเดือน ส.ค.นี้ และได้รับการยอมรับและชื่นชมกับการรับมือโควิดได้ดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลก

โลกเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ตลาดที่เกี่ยวของกับการแพทย์ สุขภาพ ประกัน ย่อมอยู่ในทิศทางโตต่อเนื่อง หลายๆ ประเทศ พยายามที่จะวางยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลาง แต่จะสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบหลายด้าน ซึ่งหนึ่งหลายประเทศ ที่มีศักยภาพรวมไทยย่อมอยู่ด้วย ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา หลายรัฐบาลพูดถึงเรื่องนี้ แต่ในแง่ปฏิบัติเชิงยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนที่ควรจะเป็นไม่ชัดเจน

ผ่านมาถึงวันนี้ แผนยังมี แต่ในแง่ปฏิบัติประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจน จนล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาตอกย้ำ ที่จะผลักดันให้ไทยเป็น เมดิคอล & เวลเนส ฮับ หรือ ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุขของโลก ซึ่งเราเห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่ เพราะชัดเจนว่าบทเรียน ของโควิด ได้สอนให้เราได้เห็นทั้งโอกาสและวิกฤติ

แม้วันหนึ่งโควิดหายไป มีวัคซีนจัดการได้ แต่บทเรียนครั้งนี้สอนเราว่า ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะไวรัสหรือโรคอุบัติใหม่ต่างๆ นั้น ฝังอยู่ในตัวสัตว์และธรรมชาติอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อโลกร้อนขึ้นทำให้เชื้อโรคหลายอย่างแพร่เชื้อออกมา 

 

นายกรัฐมนตรีบอกข่าวดีกับพวกเรา ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งจะเปิดสำนักงานในเดือน ส.ค.นี้ ขณะเดียวกันไทยได้รับการยอมรับและชื่นชมกับการรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดี เป็นลำดับต้นๆ ของโลก มีความได้เปรียบและความพร้อม ซึ่งทั่วโลกยอมรับ

เช่นเดียวกัน เรามีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูงในการให้บริการ มีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ที่ได้รับการรับรอง ในระดับสากล และ หน่วยงาน อย่าง JCI หรือองค์กรสากลที่รับรองคุณภาพโรงพยาบาล ได้มาตรฐานถึง 58 แห่ง ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก

ดัชนีเหล่านี่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่จะยกระดับเพื่อไปสู่เป้าหมาย เมดิคอล & เวลเนส ฮับ หรือศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุขของโลก 

โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ มีศักยภาพสามารถก้าวเป็นที่ 1 ในประเทศชั้นนำของโลกได้ แต่ความสำเร็จ อยู่ที่วิสัยทัศน์ และความกล้าของผู้นำ ทั้งสองอย่างต้องเดินทางคู่กัน วิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมภาคเอกชน เป็นองค์กรเคลื่อนหลัก เพราะโดยรวมชื่อเสียงประสิทธิภาพเอกชนไทยด้านการแพทย์และยาดีอยู่แล้ว

เพียงรัฐบาล ให้การส่งเสริมอย่างจริงจัง ด้านภาษี สิทธิประโยชน์ อำนวยความสะดวก ดำเนินการหลักการแค่นี้ องค์กรภาครัฐต่างๆ ไม่ได้ทำแข่งกับเอกชน อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ในหลายๆ เรื่อง จนบีบให้เอกชนไทย ไปลงทุนในต่างประเทศแทน

ส่วนความกล้าของรัฐบาล เมื่อหลายอย่างต้องให้สิทธิพิเศษ ย่อมต้องผ่านการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี  ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่น่าห่วง เพราะในยามรัฐบาลอ่อนแอ ห่วงสถานะทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ประชาชนโดยรวม ความกล้าหาญจะน้อยลง

เห็นหลายโครงการเวลานี้ ล่าช้า ดอง จนเป็น “รัฐบาลเป็ดง่อย” ดังนั้นแนวทาง เมดิคอล & เวลเนส ฮับ รัฐบาลไหนๆ ก็พูดได้ แต่ทำได้หรือไม่ ต้องมีทั้งวิสัยทัศน์และความกล้า