Climate Change เพนกวิน 4 สายพันธุ์ "อย่าปล่อยให้เขาตาย"

Climate Change เพนกวิน 4 สายพันธุ์ "อย่าปล่อยให้เขาตาย"

เพนกวินขั้วโลกใต้คือสายพันธุ์ชีวิตส่วนหน้าสุดที่กำลังเผชิญภาวะ Climate Change เดิมพันชีวิตนี้จะอยู่จะไปในอีกกี่ปีในน้ำมือเมนุษย์

"วิกฤตสภาพภูมิอากาศ" กำลังสร้างผลกระทบกับสัตว์ที่มีความน่ารักน่าเอ็นดูหลายชนิด รวมทั้ง เพนกวิน (Pengins) ทุกอย่างที่เราอ่าน ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากสำหรับเพนกวินทุกสายพันธุ์

การศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์ชิ้นใหม่พบว่า Climate Change  หรือ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ที่กำลังเกิดขึ้นต่อเนื่องด้วยความเร็วในปัจจุบัน  เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor Penguins) จะสูญพันธุ์ภายในปี 2100 หรือในอีก 78 ปีข้างหน้า เนื่องจากการสูญเสีย ทะเลน้ำแข็งแอนตาร์กติก (ขั้วโลกใต้) 
 

ภาพยนตร์เรื่อง 2001 : A Space Odyssey ออกฉายครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) พล็อตเรื่องเกี่ยวกับการท่องอวกาศและการศึกษาวิจัยวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตนอกโลก (จริงๆ หนังมีปรัชญาซ่อนอยู่มากกว่านี้) ในอีก 33 ปีข้างหน้า คือ 2001 หรือพ.ศ.2544

ถ้านับจากเวลาปัจจุบัน (พ.ศ.2565) หนังพูดถึงความสามารถของมนุษย์ในการเดินทางออกไปท่องอวกาศตั้งแต่เมื่อ 54 ปีที่แล้ว นอกจากจะเกิดขึ้นจริง วันนี้มนุษย์ยังทำให้การท่องอวกาศเป็นการท่องเที่ยวไปแล้วด้วยซ้ำ

เวลา 78 ปีที่ "เพนกวินจักรพรรดิ" จะสูญพันธุ์ อาจมาถึงเร็วหรือช้าก็ได้

Climate Change เพนกวิน 4 สายพันธุ์ "อย่าปล่อยให้เขาตาย"

เพนกวินจักรพรรดิ

เพนกวินจักรพรรดิใช้ "ทะเลน้ำแข็งขั้วโลกใต้" เป็นแหล่งสืบพันธุ์ การป้อนอาหารลูกอ่อน รวมทั้ง “การลอกคราบ” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในวงจรชีวิตของเพนกวินสายพันธุ์นี้

ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อ "ทะเลน้ำแข็ง" เสื่อมสภาพจากความผันผวนทางธรรมชาติ จำนวนเพนกวินจักรพรรดิลดลงเนื่องจากการตาย

การศึกษาชี้ให้เห็นว่า ถ้ามนุษย์ไม่ลดพฤติกรรม “การปล่อยก๊าซเรือนกระจก” เพนกวินจักรพรรดิจะลดลง 86% จากจำนวนทั้งหมด

Climate Change เพนกวิน 4 สายพันธุ์ "อย่าปล่อยให้เขาตาย"

เพนกวิน Chinstrap

การละลายของ แผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติก ยังส่งผลกระทบต่อเพนกวินอีก 2 สายพันธุ์ คือ Chinstrap (ชินสแตรป) ใต้คางมีเส้นเล็กๆ สีดำคาดเหมือนสายรัดคางของหมวกนักขี่ม้า และ Adelie (อาเดลี) เพนกวินขนาดกลาง รอบดวงตามีวงกลมสีขาวคล้ายวงแหวน มีขนหางที่ยาวกว่าเพนกวินชนิดอื่น

อาหารของเพนกวินทั้งสามชนิดนี้คือ กุ้งขนาดเล็ก ที่เรียกว่า Krill (คริลล์) กุ้งชนิดนี้มีชุกชุมในทะเลน้ำแข็งซึ่งมีความเย็นจัด การสูญเสียแผ่นน้ำแข็งจะส่งผลให้ Krill หนีออกจาก ทะเลแอนอาร์ติก หรือไม่ก็มีจำนวนลดลงเนื่องจาก Krill ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้

การศึกษาครั้งใหม่บนพื้นฐานการวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ในรอบ 90 ปี แสดงให้เห็นการกระจายทางภูมิศาสตร์ของ “แอตแลนติก คริลล์” หดตัวลงเกือบ 300 ไมล์ เนื่องจากความอุ่นขึ้นของมหาสมุทร และทำให้ “เพนกวินชินสแตรป” ในบริเวณขั้วโลกใต้ลดลง 77% ในเวลา 50 ปี

Climate Change เพนกวิน 4 สายพันธุ์ "อย่าปล่อยให้เขาตาย" เพนกวินราชา (King Penguins)

เพนกวินอีก 1 ชนิด King Penguins หรือ เพนกวินราชา ต่างจากเพนกวินชนิดอื่น ตรงที่ไม่ได้ผูกติดกับแผ่นน้ำแข็ง เนื่องจากมีถิ่นที่อยู่อาศัยบนเกาะในภูมิภาคย่อยของขั้วโลกใต้ที่อากาศอุ่นขึ้น

แต่ในฤดูทำรัง เพนกวินราชาที่เป็นพ่อแม่จะผลัดกันออกไปหาอาหารในทะเลเพื่อกลับมาป้อนลูกๆ ด้วยการบินไปกลับเป็นระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร เพื่อจับปลาที่มีชื่อว่า Lanternfish ที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำเย็น 

ทะเลที่อุ่นขึ้น ทำให้ปลาชนิดนี้ย้ายถิ่นที่อยู่ไปยังทะเลที่เย็นขึ้น และทำให้เพนกวินราชาต้องบินไกลขึ้น การใช้เวลาออกไปหาอาหารที่นานขึ้นนี้ ทำให้พ่อหรือแม่นกที่เฝ้ารังพร้อมลูกหิวโหยและตาย

ในปี 2018 นักวิทยาศาสตร์พบว่า ชุมชนเพนกวินราชาที่ใหญ่ที่สุดในโลกหดตัวลง 90% นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะใด แต่สันนิษฐานว่าเพนกวินราชาย้ายถิ่นที่อยู่ไปสู่ที่ที่อากาศเย็นขึ้นเพื่อให้ใกล้แหล่งอาหาร

  • อ้างอิง : เว็บไซต์ Shape of Life