กระทุ้งรัฐปลดล็อกต่างชาติซื้ออสังหาฯ-ที่ดิน

กระทุ้งรัฐปลดล็อกต่างชาติซื้ออสังหาฯ-ที่ดิน

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กระทุ้งรัฐปลดล็อกต่างชาติซื้ออสังหาฯ-ที่ดิน เพื่อเป็นตัวช่วยในการเร่งพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยภายใต้บริบทแวดล้อมที่เปลี่ยนไปชูโมเดลญี่ปุ่นดึงต่างชาติเข้าไปอยู่อาศัยเพื่อสร้างดีมานด์กระตุ้นให้เกิดการบริโภคในท้องถิ่น

ผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติโควิด-19 ห้วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาก ส่งผลเศรษฐกิจไทยชะลอตัวหนัก และเวลานี้ยังมีปัจจัยลบแทรกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่างพยายามหามาตรการส่งเสริมการลงทุนหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นตัวช่วยในการเร่งพลิกฟื้นเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้น คือ มาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

มีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ในฐานะองค์กรภาคเอกชนต้องการเข้าไปมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งภาคอสังหาฯ มีโอกาสสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศมหาศาล!  

ขณะที่บริบทเศรษฐกิจไทยในอนาคตเปลี่ยนไป! เนื่องจากศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยลดลง จากเดิมที่พึ่งพาภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่ศักยภาพการลงทุนด้านอุตสาหกรรมชะลอตัว จึงมองว่าอสังหาฯ และการท่องเที่ยวสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคได้ต่อเนื่อง

"การท่องเที่ยวอย่างเดียวยังมีความเสี่ยงเพราะหากมีการปิดประเทศเมื่อไรจะได้รับผลกระทบทันที  ฉะนั้นอสังหาฯ จะเป็นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ด้วยการดึงชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย ซื้อที่ดิน เหมือนกับประเทศมาเลเซีย ญี่ปุ่น ในช่วงที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พยายามดึงคนต่างขาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย

แต่มีเงื่อนไขจำกัดต่างกัน เช่น เรื่องภาษี มีการกำหนดระดับราคา ทำเล เพราะการที่คนต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยเขาเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศ มาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยก็ได้รับประโยชน์ ที่ดินไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นหนึ่งในฟันเฟืองช่วงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ เคยเสนอแนวคิดต่อรัฐบาลในช่วงก่อนโควิด และเมื่อเกิดวิกฤติโควิด ต่อเนื่องถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้ภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้น  ฉะนั้นแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจมี 2 ทาง นั่นคือ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และกระตุ้นการบริโภคจากคนต่างประเทศ 

ทั้งนี้ การกระตุ้นภายในประเทศก็ต้องมาพิจารณากฏเกณฑ์เงื่อนไข กฏหมายต่างๆ ที่ใช้มานานแล้วไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เป็นนัยสำคัญ

ยกตัวอย่าง การเช่าที่ดินปัจจุบันกฏหมายไทยให้เช่า 30 ปี ซึ่งระยะเวลา 30 ปี การจะลงทุนทำธุรกิจไม่คุ้มค่า! อย่างการทำอาคารสูงไม่ครอบคลุมต้นทุนที่ลงไปทำให้ศักยภาพในการลงทุนหายไป ประกอบกับว่า มูลค่าที่ดินสูงขึ้น ถ้าที่ดินปล่อยเช่าระยะยาวขึ้น จะได้ค่าเช่าดีขึ้น ผลตอบแทนระยะยาวขึ้น รวมทั้งกฏหมายที่เกี่ยวกับการให้สิทธิคนต่างชาติมาซื้อบ้านที่มีการคุยกันมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขกฏหมายที่เป็นอุปสรรค

“ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำอย่างจริงจังภาครัฐควรเปิดใจและให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมและรีบทำอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นจะเสียโอกาสและล้าหลังไปเรื่อยๆ แนวทางที่ดีที่สุดคือการให้คนต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่ออยู่อาศัยไม่ใช่ซื้อเพื่อลงทุนทำธุรกิจ”

มีศักดิ์ ระบุว่า โมเดลที่ชัดเจนคือประเทศ “ญี่ปุ่น” ที่สูญเสียศักยภาพในการเป็นประเทศอุตสาหกรรม แล้วหันมาให้ความสำคัญกับโมเดลการท่องเที่ยวเพื่อให้ต่างชาติเข้าไปอยู่อาศัยเพื่อสร้างดีมานด์กระตุ้นให้เกิดการบริโภคในท้องถิ่น หลายๆ ประเทศเข้าสู่โมเดลนี้หมดจากเคยเป็นประเทศอุตสาหกรรม หันมาเน้นการท่องเที่ยว การอยู่อาศัย เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ

ยิ่งเวลานี้ประชากรประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย แน่นอนว่า ศักยภาพด้านอุตสาหกรรมลดลง!  จึงน่าจะมีการแก้ไขและทบทวนกฏหมาย มาตรการต่างๆ เพื่อให้เข้ากับบริบทใหม่เพราะต้องใช้เวลาพอสมควร

จะเห็นว่า ที่ผ่านมาโครงสร้างครอบครัว ในภาคเหนือ ภาคอีสาน จะไม่มีคนวัยทำงาน เพราะลูกหลานย้ายไปทำงานที่ชลบุรี ระยอง ขณะที่อัตราการเกิดลดลงจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น หากธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐในการผลักดันกฏหมายและมาตรการต่างๆ ออกมาจะทำให้โครงสร้างครอบครัวคนไทยได้มีโอกาสรวมกันได้ดีขึ้นด้วย

มีศักดิ์ ย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องรู้ว่า “โพสิชันนิ่งประเทศไทย ในสายตาคนทั่วโลก จุดแข็ง เราอยู่ตรงไหน”

ทุกคนในโลกล้วนมองว่า ไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในเอเชีย ชนะ ญี่ปุ่น จีน ถือเป็นโอกาสที่ดี หากชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาฯ ในไทยได้ ภายใต้ข้อกำหนด เช่น ระยะเวลา 

นอกจากภาคอสังหาฯ จะได้เม็ดเงินเข้ามาแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ จากปัญหาภายในประเทศ “จีน” ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของชาวจีนต้องการออกมาอยู่ต่างประเทศมากขึ้น จากนโยบาย Common Prosperity ของ สี จิ้นผิง ทำให้คนจีนได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงในประเทศ แม้จะมีเงินแต่ลงทุนในจีนไม่ได้ ทำให้ต้องมองหาแหล่งลงทุนนอกประเทศ ซึ่ง "ไทย" เป็นประเทศที่คนจีนอยากเข้ามาอยู่อาศัยมากที่สุด นับเป็นโอกาสสำคัญในการวางแนวทางรองรับดีมานด์แห่งอนาคต 

 “อนาคตมีความจำเป็นมากขึ้นในการผลักดันเรื่องเหล่านี้ เอกชนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งภาครัฐควรต้องรับฟังภาคเอกชนมากขึ้น ไม่เฉพาะภาคอสังหาฯ แต่รวมทุกเรื่องๆ เป็นการร่วมด้วยช่วยกันพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย”

 

อสังหาฯ พลังเคลื่อนเศรษฐกิจ

ในวาระครบรอบ 50 ปี สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ร่วมกับพันธมิตรภาคีเครือข่ายสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ อาทิ สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต, สงขลา, 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, สมุทรสาคร นนทบุรี, ชลบุรี,ระยอง, ฉะเชิงเทรา, นครราชสีมา, อุดรธานี, ขอนแก่น, พิษณุโลก, เชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย กำหนดจัดสัมมนา “อสังหาริมทรัพย์...พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” วันที่ 28 ก.ย. เวลา 8.30 -17.30 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีวิทยากรจากภาครัฐและเอกชน กูรูอสังหาฯ ชวนคิด วิเคราะห์ วิกฤติ โอกาส ทางรอดอสังหาฯ และเศรษฐกิจไทย