‘Triple Helix’ เขย่าอสังหาฯ ปี69 เปลี่ยนเกมอากาศ-อายุยืน-สุขภาพ

จับตาTriple Helix เขย่าอสังหาฯ ปี69 สภาพอากาศ-อายุยืน-สุขภาพ’ เปลี่ยนเกมรับเมกะเทรนด์ถูกจัดระเบียบด้วยกฎสิ่งแวดล้อม โครงสร้างประชากร และวิถีสุขภาพยุคหลังโควิด
KEY
POINTS
- ปี 2569 จะเป็นจุดเปลี่ยนของวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วย 3 เมกะเทรนด์หลัก หรือ “Triple Helix” ได้แก่ การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Resilience) สังคมอายุยืน (Longevity) และสุขภาวะที่ดี (Wellness)
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ผลักดันให้โครงการต้องปรับตัวสู่การออกแบบที่ทนทานและฟื้นตัวเร็ว (Adaptive Living)
- สังคมสูงวัยทำให้การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) และชุมชนที่คนหลายวัยอยู่ร่วมกันกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของที่อยู่อาศัย
- ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพ (Wellness) เพิ่มสูงขึ้นหลังยุคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการนำแนวคิดการออกแบบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ (Biophilic Design) และพื้นที่เพื่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจมาใช้ในโครงการมากขึ้น
ปี 2569 กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์โลก เมื่อ “3 แรงบิด” ระดับเมกะเทรนด์ Climate Resilience, Longevity และ Wellness หลอมรวมเป็นแกนขับเคลื่อนใหม่ ผู้ประกอบการที่อ่านเกมทันเท่านั้นจึงจะยืนระยะในสมรภูมิธุรกิจที่กำลังถูกจัดระเบียบใหม่ด้วยกฎสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนโครงสร้างประชากร และวิถีสุขภาพยุคหลังโควิด
คฤตสา จินดานนท์ Head of Consulting บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง ฉายภาพใหญ่ของโลกอสังหาฯ ว่า กำลังยืนอยู่บนจุดตัดสำคัญของ 3 เทรนด์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้แก่ Climate Resilience, Longevity และ Wellness หรือที่เรียกว่า “The Triple Helix ” ซึ่งจะกลายเป็นพิมพ์เขียวที่กำหนดทิศทางอสังหาฯ ทั่วโลกนับจากปี 2569 เป็นต้นไป
Climate Resilience ยุคกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้ม
ภาวะโลกร้อนที่ทำลายสถิติปีแล้วปีเล่า กำลังผลักดันให้มาตรการด้านคาร์บอนเข้มข้นขึ้น ทั้ง CBAM ของยุโรป ร่าง พ.ร.บ.โลกร้อนของไทย และกระแส Green Funding ที่บังคับให้ผู้ประกอบการต้องมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมรองรับ ค่าใช้จ่ายและต้นทุนการพัฒนาโครงการกำลังถูก “ตีกรอบใหม่!”
ขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านสภาพอากาศทำให้ที่อยู่อาศัยต้องปรับตัวสู่ยุค “Adaptive Living” ตั้งแต่การใช้วัสดุต้านความร้อน ออกแบบบ้านเย็นด้วยเทคนิค Passive-Active ไปจนถึงที่อยู่อาศัยที่ “ซ่อมง่าย ฟื้นตัวเร็ว” รองรับภัยพิบัติรูปแบบใหม่
“อุณหภูมิโลกที่ทำลายสถิติทุกปีสะท้อนว่าโลกกำลังก้าวสู่ยุคที่มาตรการคาร์บอนเข้มข้นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้ง CBAM ของยุโรป ร่าง พ.ร.บ.ลดโลกร้อน ของไทย และกระแส Green Funding ที่กำหนดเงื่อนไขสิ่งแวดล้อมในทุกการกู้ เงินทุน และการพัฒนาโครงการ ทำให้ต้นทุนและแบบบ้านต้องถูกรีดีไซน์ใหม่”
Longevity สังคมสูงวัยกลายเป็นตลาดหลัก
สังคมอายุยืนทำให้ผู้คนใช้ชีวิตและทำงานยาวถึงอายุ 70 ปี ดังนั้น โจทย์ใหม่ของที่อยู่อาศัยจึงไม่ใช่แค่ความปลอดภัย แต่คือความราบรื่นของการใช้ชีวิตในทุกจังหวะ “Universal Design” กลายเป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจลึกกว่าการทำพื้นที่สำหรับผู้พิการ แต่เป็นการออกแบบเพื่ออนาคตของทุกคน
ผู้ประกอบการในตลาดต้องปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้รองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังเติบโตอย่างพุ่งพรวด ส่วนแนวคิด “Multi-Generation Community” หรือพื้นที่ที่คนต่างวัยอยู่ร่วมกันเริ่มกลายเป็น “ตัวแปร” สำคัญของคุณภาพชีวิตในเมืองใหญ่
"โลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มขั้น ผู้คนทำงานยาวถึงวัย 70 ทำให้ที่อยู่อาศัยต้องตอบโจทย์อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี Universal Design จึงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เพื่อคนทุกวัยให้อยู่ร่วมกันอย่างมีปฏิสัมพันธ์เริ่มกลายเป็นหัวใจของคุณภาพชีวิตเมืองใหญ่"
Wellness คุณค่าพื้นฐานใหม่ของที่อยู่อาศัย
ยุคหลังโควิด เร่งความต้องการโครงการที่ใส่ใจสุขภาพ จากวิกฤติโรคเรื้อรัง (NCDs) และผลกระทบจาก Digital Fatigue ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจเรื่อง Digital Detox และแสวงหา Restorative Space ที่พักฟื้นทั้งกายและใจด้วยมูลค่าเกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์ ตลาด Wellness Real Estate จึงมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดและผลักดันให้นักพัฒนานำ “Biophilic Design” เข้ามาใช้เพื่อเชื่อมโยงผู้คนกับธรรมชาติ การจัดสรรพื้นที่กิจกรรม และโซนผ่อนพักในออฟฟิศเข้ามาอยู่ในโครงการมากขึ้น และไม่จำกัดแต่โครงการหรู แต่ลามไปถึงกลุ่ม Affordable ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและกิจกรรมเพื่อสุขภาพในระดับชุมชน
ต่อไปการออกแบบที่พักอาศัยและสำนักงานจะมี “พื้นที่ฟื้นฟูจิตใจ” เช่น การจัดสรร Flexible Space สำหรับกิจกรรมทางกาย และการอนุญาตให้มี Power Nap หรือเวลาพักผ่อนในที่ทำงาน ล้วนเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ แนวคิด Wellness ที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าที่แท้จริงให้กับผู้อยู่อาศัยทุกระดับ
คฤตสา ระบุว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่สามารถผสาน 3 เทรนด์นี้ให้เป็นแกนเดียวกัน จะสร้างมูลค่าใหม่ที่ยืนระยะได้ในโลกที่เปลี่ยนเร็วเกินคาด!
วันนี้ Climate Resilience, Longevity และ Wellness กลายเป็น “สมการใหม่” ของการเติบโตอย่างแท้จริง ผู้ประกอบการที่ปรับตัวทันจะสร้างคุณค่าใหม่ที่ยั่งยืน ส่วนคนที่ยังยึดโมเดลเดิมอาจถูกคลื่นความเปลี่ยนแปลงโหมทับไม่รู้ตัว







