แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ พลิกขยะใบไม้ 218 ตัน สู่ดินปลูกลดคาร์บอน

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเกมยั่งยืนครั้งใหม่ “WASTE TO WELL-BEING” แปรรูปขยะใบไม้เป็นดินปลูกคุณภาพสูง ลดคาร์บอน–ลดฝังกลบ และสร้างคุณค่าใหม่ให้ทรัพยากรที่เคยมองข้าม
ในยุคที่ “ขยะอินทรีย์” มักถูกมองเป็นภาระมากกว่าทรัพยากร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เลือกเดินเกมกลับด้าน ด้วยการเปิดตัวโครงการ WASTE TO WELL-BEING โครงการนำร่องที่ไม่เพียงแก้ปัญหาขยะใบไม้จาก 83 โครงการทั่วประเทศ แต่ยังสร้างคุณค่าใหม่ผ่านระบบแปรรูปที่ทำให้ขยะอินทรีย์กลายเป็น “สินทรัพย์สีเขียว” ขององค์กร
ภูมิใจ วรวนิชชากร ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่าปี 2568 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เมื่อบริษัทสามารถลดปริมาณขยะใบไม้เข้าสู่กระบวนการฝังกลบได้มากถึง 218 ตัน คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 173 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสะท้อนให้เห็นว่าการจัดการขยะอย่างมีระบบสามารถสร้างผลลัพธ์ต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง
'ปุ๋ยอินทรีย์-ดินปลูก'คุณค่าใหม่จากสิ่งที่เคยถูกทิ้ง
ความร่วมมือระหว่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ สวนไม้ภราดรภาพ ทำให้ขยะใบไม้ถูกคัดแยก นำเข้าสู่กระบวนการหมักยาว 4–5 เดือน ก่อนผสมกับดินร่วน แกลบดำ และมะพร้าวสับ จนได้ดินปลูกคุณภาพสูงกว่า 55,000 ถุง นำไปใช้จริงในงานสวนของโครงการต่าง ๆ
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนซื้อดินจากภายนอก แต่ยังลดความเสี่ยงจากดินปนเปื้อนสารเคมี อีกทั้งยังทำให้ต้นไม้ในโครงการทดลองใช้ 8 แห่ง เจริญเติบโตได้ดีกว่าดินทั่วไปสะท้อนคุณภาพของดินที่เกิดจากกระบวนการหมักอย่างเป็นระบบ
จากปัญหาปริมาณมหาศาลสู่โอกาสครั้งใหญ่
ในปี 2567 มีขยะใบไม้และกิ่งไม้จากงานสวนส่วนกลางมากถึง 4,440 ตัน ซึ่งเดิมต้องใช้พื้นที่ฝังกลบจำนวนมาก และมีต้นทุนขนส่งสูง การนำขยะเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่จึงเป็นทางออกที่เชื่อมโยงได้ทั้ง SDGs และแนวคิด Circular Economy
ขณะที่อรสา รอดบำเรอ จากสวนไม้ภราดรภาพ ย้ำว่า กุญแจความสำเร็จอยู่ที่กระบวนการผลิตที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดแยก วัดอุณหภูมิการหมัก ไปจนถึงการทดสอบคุณภาพปุ๋ยโดยห้องปฏิบัติการของคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งยืนยันว่าอยู่ในมาตรฐานกรมวิชาการเกษตรอย่างครบถ้วน
โครงการนำร่องที่ทำให้ความยั่งยืนจับต้องได้จริง
ในระยะนำร่อง ขยะใบไม้จาก 16 โครงการ ถูกนำมาผลิตเป็นดินปลูกและกระจายกลับไปใช้ในอีก 8 โครงการ ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน ได้แก่
- ลดต้นทุนการจัดหาดินปลูก
- ลดขยะเข้าแหล่งกำจัด
- ลดก๊าซเรือนกระจก
- เพิ่มคุณภาพพื้นที่สีเขียวของโครงการ
- และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้คู่ค้าในห่วงโซ่สีเขียว
ปี 2569 ขยายผลสู่โครงการใหม่ทั่วประเทศ
จากผลสำเร็จในปีแรก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เตรียมขยายการใช้ดินปลูกจากโครงการ WASTE TO WELL-BEING ไปสู่โครงการเปิดใหม่ รวมถึงโครงการต่างจังหวัด สร้างรูปแบบการดูแลพื้นที่สีเขียวที่เข้มแข็งขึ้น พร้อมยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนในทุกโครงการ
โครงการ WASTE TO WELL-BEING จึงไม่ใช่เพียงการแปลง “ใบไม้ร่วง” เป็น “ดินปลูก” แต่เป็นการแปลงวิธีคิดของธุรกิจอสังหาฯ ให้เห็นว่าการดูแลโลกสามารถเริ่มได้จากงานเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน







