น้ำท่วมหาดใหญ่ทุบตลาดอสังหาฯ คาดใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำ6เดือน

วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่เขย่าตลาดอสังหาฯระส่ำ! ผู้ประกอบการเร่งช่วยเหลือลูกบ้านคาดใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำ 6 เดือน แนะทุกฝ่ายตั้งรับภัยพิบัติยุคโลกร้อนขึ้น
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทได้ระดมผู้บริหารและพนักงานทุกภาคส่วน เตรียมถุงยังชีพกว่า 2,500 ชุด ส่งตรงสู่พื้นที่ปลอดภัยที่โครงการ ปาล์มสปริงส์ เบนเนท @สนามบิน หาดใหญ่ ซึ่งถูกจัดตั้งเป็น “ศูนย์พักของ” เพื่อกระจายความช่วยเหลือสู่ชุมชนโดยรอบ
ภารกิจเร่งด่วนยังรวมถึงการส่งมอบของยังชีพให้ลูกบ้านใน 14 โครงการ ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมดูแลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แม่บ้าน และบุคลากรโครงการที่ยังคงยืนหยัดปฏิบัติงานท่ามกลางมวลน้ำขณะเดียวกัน ทีมงานภาคใต้จากสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ต่างเข้าร่วมสมทบกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนได้ครอบคลุมมากที่สุด
อสังหาฯ สะเทือนประเมินฟื้นตัวต่ำสุด 6 เดือน
พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่า ปีนี้ภาคอสังหาฯ ถูกปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน และวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ คือ “แรงสั่นสะเทือนระลอกใหญ่” ที่ยิ่งทำให้ธุรกิจเหนื่อยหนักกว่าเดิม
หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ผลกระทบอาจลากยาว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่งผลต่อทั้งยอดขาย ความเชื่อมั่น และการลงทุนใหม่ในหลายจังหวัด แนวรับสำคัญของผู้ประกอบการคือการพัฒนาโครงการให้ “ทนทานต่อภัยพิบัติ” ทั้งการออกแบบพื้นที่ วัสดุ และระบบจัดการน้ำ เพื่อรับสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดถี่ขึ้นทุกปี
3 ระดับยุทธศาสตร์รับมือภัยพิบัติ
สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มองว่าวิกฤตครั้งนี้กระทบธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตัวเลขความเสียหายต้องรอประเมินอย่างละเอียด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าถึง 25,000 ล้านบาท และยังไม่รวมผลต่อเนื่องที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวที่ผ่านมา ภาคใต้เคยพิสูจน์ความแข็งแกร่งมาแล้วเหตุการณ์สึนามิฟื้นตัวใน 1 ปี และน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็ใช้เวลาฟื้นเท่ากัน หากหาดใหญ่เร่งแก้ปัญหาระบายน้ำ วิกฤตรอบนี้ก็มีโอกาสฟื้นตัวเร็วเช่นกัน
เขาย้ำแนวทาง 3 ระดับรับมือภัยพิบัติยุค Climate Risk ดังนี้
1. ระดับเมือง ผังเมืองยุคใหม่ต้องยึดภัยพิบัติเป็นตัวตั้ง
- ปรับเกณฑ์ความหนาแน่นเพื่อให้การอพยพและการช่วยเหลือทำได้รวดเร็วยามเกิดเหตุ
- ไม่ฝืนธรรมชาติ พิจารณาลด density ในพื้นที่เสี่ยงสูง
- เพิ่มพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติขนาดใหญ่รองรับน้ำ
2. ระดับโครงการ อสังหาฯ
- ต้องมี “โครงสร้างป้องน้ำ” เป็นมาตรฐานใหม่
- บ่อหน่วงน้ำใต้ดินในอาคาร
- พื้นที่แก้มลิงในหมู่บ้านจัดสรร
- เตรียมเส้นทางน้ำฉุกเฉินรับฝนหนักเฉียบพลัน (Rain Bomb)
- ติดตั้งปั๊มระบายน้ำประจำโครงการ
3. ระดับประชาชน
- ปรับพฤติกรรมสู้โลกร้อน
- เจ้าของบ้านสมัยใหม่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยวิถีชีวิตแบบกรีนลิฟวิ่ง ผ่านหลัก 3R Reduce, Reuse, Recycle ลดขยะ ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมเรียนรู้การรับมือภัยธรรมชาติที่อาจมาเร็วกว่าคาดคิด







