เปิด5ทำเลทองราคาที่ดินพุ่งแรงสมุทรปราการ–นนทบุรีครองแชมป์

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยดัชนีราคาที่ดินกรุงเทพฯ–ปริมณฑลบางพลี–บางบ่อ–บางเสาธงจ.สมุทรปราการฮอต อัตราการเติบโตราคาที่ดินสูงถึง 44% ขณะที่เมืองนนทบุรี สูงขึ้น 22.8%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผย ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2568 พบว่ามีค่าดัชนีเท่ากับ 447.2 จุด เพิ่มขึ้น 7.7 %เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) และเพิ่มขึ้น 14.3 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นการขยายตัวมากกว่า 10%เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566
แสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนายังคงมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินในทำเลศักยภาพสูงบริเวณแนวเส้นทางรถไฟฟ้าและพื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น บางพลี–บางบ่อ–บางเสาธง ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงถึง 44% (YoY) รวมถึงที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งช่วงสมุทรปราการ–บางปู และ แบริ่ง–สมุทรปราการ ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 26.1 %
ทำเลที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ไตรมาส 3 ปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีดังนี้
อันดับ 1 ได้แก่ ที่ดินในบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินสูงขึ้น 44 %เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่เติบโตต่อเนื่อง ใกล้สนามบิน สามารถเดินทางเข้าเมืองและ EEC ได้สะดวก
อันดับ 2 ได้แก่ ที่ดินในบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินสูงขึ้น26.4%
อันดับ 3 ได้แก่ ที่ดินในเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินสูงขึ้น 26.1%
อันดับ 4 ได้แก่ ที่ดินในเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินสูงขึ้น22.8%
อันดับ 5 ได้แก่ ที่ดินในเขตลาดพร้าว-บางกะปิ-วังทองหลาง-บึงกุ่ม-สะพานสูง-คันนายาว ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินสูงขึ้น 21.4%
จากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินใน 5 อันดับแรก สะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินในพื้นที่ปริมณฑลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตามการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากผังเมืองรวมฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2568
โดยได้มีการปรับปรุงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และปรับประโยชน์การใช้ผังสีให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น การขยายพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ศักยภาพการพัฒนาและมูลค่าที่ดินในจังหวัดสมุทรปราการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกันพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งมีฐานราคาที่ดินต่ำกว่าพื้นที่ชั้นในของเมืองมาก ยังคงมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้มีความต้องการซื้อที่ดินอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่ชานเมืองปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าพื้นที่ชั้นในของเมือ







