พฤกษารุก!ผุดอพาร์ตเมนต์ให้เช่า เจาะ Gen Z ไม่อยากซื้อบ้าน

เมื่อเทรนด์คนรุ่นใหม่ “อยากอยู่ ไม่อยากเป็นเจ้าของ” กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดที่อยู่อาศัยไทย พฤกษา พลิกเกมรุกผุดอพาร์ตเมนต์ให้เช่า เจาะ Gen Z ไม่อยากซื้อบ้าน
KEY
POINTS
- พฤกษาปรับโมเดลธุรกิจใหม่ รุกตลาดอพาร์ตเมนต์ให้เช่าภายใต้แบรนด์ “iPlern” (ไอเพลิน) เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z ที่นิยมเช่ามากกว่าซื้อบ้าน
- โครงการจะพัฒนาบนที่ดินเดิมของบริษัทในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น บริเวณรอบมหาวิทยาลัยและนิคมอุตสาหกรรม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มทำงาน
- ชูจุดเด่นด้านราคาค่าเช่าที่จับต้องได้และต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่เดียวกัน เพื่อสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค
ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ IHC ในเครือพฤกษา กล่าวว่า ปี 2568 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยไทยเมื่อ พฤติกรรมคนรุ่นใหม่หันมา “เช่าอยู่” แทนการ “ซื้อเป็นเจ้าของ” ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกดดันกำลังซื้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ทัศนคติของคน Gen Z มองว่าการเป็นเจ้าของบ้านไม่จำเป็นอีกต่อไป
เทรนด์นี้จุดประกายให้ “พฤกษา โฮลดิ้ง” ต้องปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้ตในระยะยาว ผ่านบริษัทลูก “อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด ” ซึ่งถือเป็น “แขนใหม่” ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อรุกตลาดอพาร์ตเมนต์ให้เช่าเต็มรูปแบบ
ไอเพลิน ทางเลือกใหม่ของคนยุคเช่า
ภายใต้แบรนด์ “iPlern” (ไอเพลิน) โดยนำที่ดินเก่าของพฤกษาที่เคยวางแผนจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์หรือคอนโดมิเนียม มาปัดฝุ่นพัฒนาใหม่ในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ให้เช่าเจาะทำเลศักยภาพสูงรอบมหาวิทยาลัยและแหล่งงาน เช่น รังสิต ลำลูกกา และนิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีดีมานด์สูงต่อเนื่องจากกลุ่มวัยเริ่มทำงานและแรงงานภาคอุตสาหกรรม
ปัจจุบันตลาดอพาร์ตเมนต์ให้เช่ามีขนาดใหญ่กว่าที่หลายคนคิด โดยมีมากถึง 745,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 27,000 ล้านบาท และเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าช่วงอายุ 20–30 ปี ที่มีอัตราการเช่าสูงถึง 90% ซึ่งถือเป็น “โอกาสทอง” ที่พฤกษาต้องรีบคว้าไว้
นำร่อง 5 แห่งทำเลรังสิต ลำลูกกา บ่อวิน
แผนธุรกิจปี 2568 เริ่มต้นลงทุนราว 100 ล้านบาท เปิดโครงการ “ไอเพลิน” 5 แห่งในย่านรังสิต ลำลูกกา และบ่อวิน เพื่อทดสอบตลาด คาดว่าจะสร้างรายได้ประจำจากค่าเช่ารวมปีละกว่า 1 ล้านบาท ความสำเร็จของโครงการนำร่องทำให้บริษัทเดินหน้ารุกหนักในปี 2569 เตรียม อัดงบลงทุนเพิ่ม 2,000ล้านบาท เพื่อเปิดอพาร์ตเมนต์เพิ่มอีก 100 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยหลัก เช่น ม.กรุงเทพ และม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตต่างๆ
เป้าหมายระยะกลางภายในปี 2572 คือการขยายครบ 316แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะสร้างรายได้ประจำจากค่าเช่าราว 640 ล้านบาทต่อปี และมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 6,300 ล้านบาท ก่อนนำสินทรัพย์ทั้งหมดเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อหมุนเงินลงทุนขยายต่อเนื่อง
จับ 3 กลุ่มเป้าหมายในราคาจับต้องได้
อพาร์ตเมนต์“ไอเพลิน” วางกลยุทธ์เจาะตลาดผู้เช่าที่ต้องการความคุ้มค่าและทำเลสะดวก โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ นักศึกษา 40% พนักงานโรงงาน 35%และกลุ่มคนเริ่มต้นทำงาน(First jobber) 25% มีขนาดห้องเริ่มต้น 21 ตารางเมตร แต่ฟังก์ชันครบ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกและสไตล์มินิมอล ด้านราคาค่าเช่าวางระดับให้ต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่เดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับสินค้าหลักของพฤกษา เช่น พลัมคอนโด ที่มีค่าเช่าเฉลี่ย 7,000–8,000 บาทต่อเดือนรอบมหาวิทยาลัย 4,000–5,000 บาท/เดือน พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 2,000–3,000 บาท/เดือน ทำเลกลางเมือง 8,000–10,000 บาท/เดือน
สร้างรายได้ประจำ–ลดความเสี่ยง
ในอดีต พฤกษาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงเพื่อ “ขายขาด” แต่ในภาวะที่ตลาดซื้อ–ขายชะลอตัว การสร้าง “รายได้ประจำ” (Recurring Income)จากพอร์ตอสังหาฯ ให้เช่ากลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและรักษาสภาพคล่องระยะยาว
ปิยะกล่าวว่าพอร์ตอพาร์ตเมนต์ให้เช่ามีอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงถึง 13–15% และอัตราผลตอบแทนจากค่าเช่า (Yield) อยู่ที่ 8–10% ต่อปี ซึ่งถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อสังหาฯ ประเภทอื่น
รวมคอนโด–อพาร์ตเมนต์ในที่เดียว
นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาโมเดลใหม่ภายใต้แบรนด์ “เพลิน” ซึ่งจะรวมอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมในทำเลเดียวกัน แต่แยกอาคารเพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่และตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของตลาด
ฝั่งคอนโดมิเนียมจะวางราคาขายระดับ “Affordable” เริ่มต้นเพียง 600,000–700,000 บาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตแต่ยังมีข้อจำกัดทางการเงิน ถือเป็นแนวคิด “Hybrid Living” ที่ผสานการอยู่อาศัยระหว่างการเช่าและการเป็นเจ้าของในโครงการเดียวกัน
การแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจให้เช่าในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์ของพฤกษาแต่สะท้อนการปรับตัวต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคนรุ่นใหม่ไม่ได้ต้องการเพียง “ที่อยู่อาศัย” แต่ต้องการ “อิสระ” ในการใช้ชีวิต การเช่าจึงตอบโจทย์ทั้งด้านค่าใช้จ่าย ความยืดหยุ่น และความคล่องตัวทางอาชีพ
การเคลื่อนไหวของพฤกษครั้งนี้เป็น “จุดเปลี่ยน” ที่สะท้อนว่า พฤกษาให้ความสำคัญกับโมเดลรายได้ต่อเนื่อง และบริหารพอร์ตสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในระยะยาว เพื่อการวางฐานธุรกิจใหม่ในยุคที่ คนรุ่นใหม่ไม่สนใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียมเหมือนในอดีต
หากแผนขยายกว่า 300 แห่งทั่วประเทศเป็นไปตามเป้า ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า พฤกษา จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่าของไทย และอาจเป็นต้นแบบการปรับตัวของผู้พัฒนาอสังหาฯ รายอื่น ที่กำลังมองหา“ทางรอด”ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคนรุ่นใหม่







