ฟรีแลนซ์อยากมีบ้านไม่ใช่ฝันเคล็ดลับกู้ผ่านฉบับคนทำงานอิสระ

คนทำงานอิสระเริ่มขยับจากโต๊ะทำงานในร้านกาแฟ สู่เป้าหมายใหม่คือ “บ้านของตัวเอง” แต่ธนาคารยังมองว่ารายได้“ไม่แน่นอน” แล้วฟรีแลนซ์จะวางแผนอย่างไรให้กู้ผ่าน
KEY
POINTS
- อุปสรรคสำคัญของฟรีแลนซ์ในการกู้ซื้อบ้านคือการพิสูจน์รายได้ที่มั่นคง เนื่องจากธนาคารมองว่ารายได้มีความผันผวนสูง
- การเตรียมเอกสารหลักฐานทางการเงินให้ครบถ้วนเป็นสิ่งจำเป็น เช่น สัญญาจ้าง ใบเสร็จรับเงิน และโดยเฉพาะเอกสารการยื่นภาษี (ภ.ง.ด. 90/94) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- สร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วยการเดินบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ รักษาประวัติเครดิตที่ดีไม่มีหนี้เสีย และควบคุมภาระหนี้สินต่อรายได้ (DSR) ไม่ให้เกิน 40%
- พิจารณาการกู้ร่วมกับผู้มีรายได้ประจำ เช่น คู่สมรสหรือคนในครอบครัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและอาจได้รับวงเงินที่สูงขึ้น
ภาพของแรงงานไทยกำลังเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ—จากพนักงานออฟฟิศในชุดสูท สู่คนรุ่นใหม่ที่พกแล็ปท็อปกับ Wi-Fi เป็นอาวุธทำมาหากิน เทรนด์ Gig Economy หรือเศรษฐกิจจ้างงานชั่วคราวเติบโตต่อเนื่อง หลังองค์กรขนาดใหญ่ปรับโครงสร้าง และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนวิถีการทำงาน
ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในไตรมาส 2 ปี 2568 ผู้มีอาชีพอิสระคิดเป็นถึง 50.01% ของผู้มีงานทำทั้งหมดกว่า 39 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ขณะที่แพลตฟอร์ม Fastwork เผยว่า การจ้างงานฟรีแลนซ์โตขึ้นกว่า 50% ในช่วงปี 2565–2566
แต่แม้รายได้ของฟรีแลนซ์บางคนจะเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ทว่าความฝัน “มีบ้านหลังแรก” กลับยังเป็นเรื่องยาก เมื่อธนาคารส่วนใหญ่ยังมองรายได้ของพวกเขาว่า “ผันผวนเกินไป”
“ธนาคารไม่ได้มองแค่รายได้มากน้อย แต่ดูความต่อเนื่องของรายได้และวินัยทางการเงินด้วย”
รายได้ไม่แน่นอนคือด่านทดสอบแรก
จากผลสำรวจ DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study พบว่ากว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า “รายได้ไม่มั่นคง” คืออุปสรรคใหญ่ในการขอสินเชื่อบ้าน รองลงมาคือประวัติทางการเงินไม่ดี (41%) และภาระหนี้สูง (30%)
ในสายตาธนาคาร ปัจจัยที่ชี้ขาดคือ “ความสามารถในการผ่อนชำระ” ซึ่งฟรีแลนซ์จำนวนมากยังขาดหลักฐานยืนยันรายได้ที่ชัดเจน ทั้งสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ เมื่อไม่มีเอกสารเหล่านี้ การพิจารณาจึงเข้มงวดกว่าคนทำงานประจำอย่างเลี่ยงไม่ได้
วางแผนอย่างมืออาชีพ ฟรีแลนซ์ก็มีบ้านได้
แม้เส้นทางอาจขรุขระ แต่ “อิสรภาพ” ของการทำงานไม่ได้แปลว่า “หมดสิทธิ์มีบ้าน” หากรู้จักเตรียมตัวอย่างเป็นระบบตามแนวทางที่ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แนะนำ
ประเมินกำลังผ่อนอย่างเป็นจริง
ใช้สูตร DSR (Debt Service Ratio) ไม่ให้ภาระหนี้เกิน 40% ของรายได้ เช่น หากมีรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อเดือน ความสามารถในการผ่อนบ้านควรอยู่ที่ราว 12,000 บาท
เก็บหลักฐานรายได้และผลงานย้อนหลัง
สัญญาว่าจ้าง ใบเสร็จรับเงิน หรือผลงาน (Portfolio) คือหลักฐานสำคัญที่ช่วยยืนยันความต่อเนื่องของอาชีพ
เดินบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ
การฝากรายได้เข้าบัญชีหลักทุกครั้ง—even เมื่อรับเงินสด—ช่วยสร้าง “เครดิตความน่าเชื่อถือ” ให้ธนาคารเห็นภาพรายได้ที่ต่อเนื่อง
ยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมาย
เอกสารภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 94) และหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) คือ “หลักฐานทองคำ” ของอาชีพอิสระ
สร้างวินัยการออมและเครดิตที่ดี
การไม่มีหนี้เสีย และชำระบัตรเครดิตตรงเวลา คือสัญญาณวินัยทางการเงินที่ธนาคารให้ความสำคัญ
“กู้ร่วม” เพิ่มน้ำหนักความมั่นคง
หากกู้ร่วมกับผู้มีรายได้ประจำ เช่น คู่สมรสหรือพ่อแม่ จะช่วยเพิ่มทั้งโอกาสอนุมัติและวงเงินกู้
“การมีบ้านไม่ใช่เรื่องของรายได้มากหรือน้อย แต่คือเรื่องของวินัยและการเตรียมตัว”
เริ่มจากแผนการเงินที่มั่นคง
บนเส้นทางที่ดูเหมือนยาวไกล ฟรีแลนซ์ทุกคนสามารถเป็น “เจ้าของบ้าน” ได้ หากเริ่มต้นจากการทำให้รายได้ของตน “ตรวจสอบได้” และมีหลักฐานความมั่นคงทางการเงินที่ชัดเจน เพราะท้ายที่สุด “ความมั่นคง” ไม่ได้เกิดจากเงินเดือน แต่เกิดจากวินัยในการบริหารรายได้ของเราเอง







