อสังหาฯ โซน EEC ครึ่งแรกปี 68 แผ่ว! ตลาด‘ระยอง’ โตสวนกระแส

อสังหาฯ โซน EEC ครึ่งแรกปี 68 แผ่ว! ตลาด‘ระยอง’ โตสวนกระแส

REIC เผยครึ่งแรกปี 2568 อสังหาฯ โซนEEC ส่งสัญญาณ “ชะลอตัว” ต่อเนื่องทั้งจำนวนหน่วย และมูลค่า "ลดลง" เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้น ‘ระยอง’ โตสวนกระแส

KEY

POINTS

  • ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขต EEC ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ชะลอตัวลง โดยยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งจำนวนหน่วย และมูลค่าลดลง แม้จะมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ
  • จังหวัดระยองเป็นพื้นที่เดียวใน EEC ที่ตลาดเติบโตสวนกระแส โดยทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์ และพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกปี 2568 ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง เหลือ 0.01% และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV (Loan to Value) แต่ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังสะท้อนสัญญาณ “ชะลอตัว” ต่อเนื่อง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยใน EEC ช่วง ครึ่งแรกปี 2568 ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าอยู่ที่ 20,660 หน่วย (-6.8%) และ 50,644 ล้านบาท (-8.3%) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“แม้มาตรการรัฐจะเริ่มมีผล แต่ตลาดยังต้องการเวลาในการปรับตัว และดูดซับอุปทานเดิมที่ยังคงค้างอยู่”

ส่วน ที่อยู่อาศัยแนวราบยังเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน EEC คิดเป็นสัดส่วน 68.4% ของหน่วยที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่พ้นภาวะถดถอย โดย “ลดลง” จากปีก่อนทั้งในแง่ จำนวน (-5.6%) และมูลค่า (-7.6%) เหลือ 35,306 ล้านบาท ขณะที่อาคารชุด ซึ่งมีสัดส่วน 31.6% ก็เผชิญกับแรงกดดันไม่ต่างกัน ยอดโอนหดตัว 9.1% มูลค่า ลดลง 9.9% เหลือ 15,338 ล้านบาท

อสังหาฯ โซน EEC ครึ่งแรกปี 68 แผ่ว! ตลาด‘ระยอง’ โตสวนกระแส

เฉพาะไตรมาส 2 ปี 2568 พบสัญญาณบวกเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ขยับขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แม้จะยังลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี (YoY) โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์รวม 11,125 หน่วย มูลค่า 27,018 ล้านบาท ลดลง 7.4% และ 8.4% ตามลำดับ เทียบช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยแนวราบยังเป็นประเภทที่มีการซื้อขายมากที่สุด คิดเป็น 71.9% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด
 

 ระยองพระเอกของตลาด

หากพูดถึงพื้นที่ “ต้านกระแส” เศรษฐกิจชะลอตัว ได้ดีที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก ต้องยกให้ ระยอง เป็นจังหวัดเดียวในเขต EEC ที่การโอนกรรมสิทธิ์ (จำนวน) เติบโต 4.1% มูลค่า เติบโต 3.7% ไม่เพียงแต่ด้านอุปสงค์ที่ขยายตัว ด้านอุปทานในระยองก็มีความเคลื่อนไหวเชิงบวกสวนทางกับพื้นที่อื่น โดยพื้นที่ ที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นถึง 19.3% ขณะที่จังหวัดอื่นลดลงเกือบทั้งหมด 

“การเติบโตของระยองสะท้อนภาพความต้องการจากแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่ยังแข็งแกร่ง และการขยายตัวของการจ้างงานในพื้นที่”

สำหรับ ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา เผชิญแรงกดดันรุนแรง ทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทาน โดยชลบุรีมีพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างมากที่สุดใน EEC ที่ 860,045 ตร.ม. คิดเป็นสัดส่วน 55.9% ของพื้นที่รวม แต่กลับหดตัว 20.3% เมื่อเทียบ YoY ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในชลบุรียังคงลดลง ฉะเชิงเทราเองแม้จะมีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย (+1.5%) แต่ก็มีพื้นที่ก่อสร้างที่ลดลงถึง 22.5% โดยเฉพาะแนวราบ และอาคารพาณิชย์

ซัพพลายใหม่ลดลง

ครึ่งปีแรก มีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเพียง 54 โครงการ รวม 4,038 หน่วย ลดลงถึง 22.9% และ 33.6% ตามลำดับ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประเภทที่ได้รับอนุญาตจัดสรรมากที่สุดยังเป็น ทาวน์เฮ้าส์ (40.2%) รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว (39.8%) และ บ้านแฝด (18.8%) สะท้อนรสนิยมตลาดที่ยังให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยในระดับราคากลางถึงล่าง

แม้หลายตัวเลขยังติดลบ แต่ผลของมาตรการรัฐในไตรมาส 2 อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดเริ่มตอบสนอง โดยเฉพาะการผ่อนคลาย LTV และค่าธรรมเนียมการโอนที่มีผลตั้งแต่ช่วงกลางปี อย่างไรก็ตาม ตลาด EEC ยังเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ราคาวัสดุก่อสร้างผันผวน และกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง

“ผู้ประกอบการต้องจับจังหวะให้ดี วางแผนโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการจริงของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างระยองที่มีแรงงานอุตสาหกรรมเป็นฐานกำลังซื้อหลัก”

แม้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC ครึ่งปีแรก 2568 จะยังชะลอตัวในหลายมิติ แต่ “ระยอง” กลายเป็นพื้นที่ ที่น่าจับตาที่สุดในปีนี้ ด้วยอุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรมที่ยังแข็งแกร่ง และการขยายตัวของพื้นที่ก่อสร้างใหม่อย่างมีนัยสำคัญ หากมาตรการภาครัฐยังดำเนินต่อเนื่อง และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ตลาดที่อยู่อาศัยใน EEC อาจเริ่มเข้าสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้งจาก “แผ่ว” กลับมา “แรง” ได้ในไม่ช้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์