แสนสิริชง 99 ปี กุญแจปลดล็อกการลงทุนคลายล็อก ‘กับดัก’ เศรษฐกิจไทย

แสนสิริชง ‘ขยายสิทธิการเช่าอสังหาฯ เป็น 99 ปี ดึงดูดดีมานด์ต่างชาติ กุญแจปลดล็อกการลงทุน คลายล็อก ‘กับดัก’ เศรษฐกิจไทยไปต่อ
KEY
POINTS
- เศรษฐกิจไทยเผชิญภาวะติดกับดักเนื่องจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลักทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคในประเทศอ่อนแรงลง ทำให้ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติเป็นทางออกสำคัญ
- แสนสิริเสนอแนวทางปลดล็อกเศรษฐกิจ โดยชูการขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้ชาวต่างชาติเป็น 99 ปี เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
- การปรับแก้กฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ที่มีกฎระเบียบเปิดกว้างกว่า และอาจดึงนักลงทุนไปแทน
เศรษฐกิจไทยติดหล่มเพราะ ‘เครื่องยนต์เดิม’ ไม่ทำงานอีกต่อไป แล้วอะไรคือคำตอบใหม่? เมื่อผู้บริหารอสังหาฯ ระดับแนวหน้าเผยทิศทางที่จะพาไทย “หลุดกับดัก” พร้อมเปิดมุมมองใหม่จากมุมอสังหาฯ สู่นโยบายระดับประเทศ "Out of the Trap" : เมื่อเครื่องยนต์เก่าไม่ขับเคลื่อนอีกต่อไปประเทศไทยกำลังเผชิญกับโจทย์สำคัญทางเศรษฐกิจที่ยากขึ้นทุกขณะ คำถามใหญ่คือ...เราจะอยู่รอดในปี 2569 ได้อย่างไร?
ในเวที Thailand Economic Outlook 2026 : Out of the Trap ซึ่งจัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ภาพอนาคตเศรษฐกิจไทยถูกสะท้อนผ่านมุมมองของผู้นำในภาคเอกชน ที่ไม่เพียงแต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่ยังเสนอ “คำตอบเชิงนโยบาย” ที่อาจเป็นหัวใจของการปลดล็อกประเทศจากกับดักที่ยืดเยื้อ
เศรษฐกิจไทย...ไม่มีเครื่องยนต์
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก่อนโควิด-19 เศรษฐกิจไทยอิงกับ “การท่องเที่ยว” ซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์หลักถึง 20% ของ GDP แต่หลังโควิด โลกเปลี่ยนไป การพึ่งพาการท่องเที่ยวกลับไม่สามารถผลักดัน GDP ได้เหมือนเดิมอีก การส่งออกก็ไม่รอดจากกับดักค่าเงินบาทแข็ง และภาษีนำเข้าสหรัฐ การบริโภคภายในประเทศเองก็ไร้แรงขับจากรายได้ที่ไม่โต แถมยังต้องแบกหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงสิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คือ “การลงทุน” จากภาคเอกชน ซึ่งต้องหวังพึ่ง “เม็ดเงินจากต่างชาติ” เป็นสำคัญ
“คำตอบเร่งด่วนที่เราควรทำทันที คือ ‘ขยายสิทธิการเช่าอสังหาฯ เป็น 99 ปี ’...เพื่อไม่ให้ต่างชาติไปลงทุนที่อื่น”
เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างเปิดกว้างให้การลงทุนต่างชาติอย่างแข็งขัน ในขณะที่ประเทศไทยยังใช้กฎหมายเดิม ที่จำกัดสิทธิการถือครอง และการเช่าที่ดินไว้เพียง 30 ปี
“วันนี้เรายังอยู่ในเกม...แต่ถ้าไม่ปรับ เราจะตกขบวน”
นี่คือ คำเตือนที่ชัดเจน เพราะหากไม่เร่งปรับกฎหมายให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน นักลงทุนต่างชาติจะมองข้ามไทยไปโดยปริยายการยืดสิทธิการเช่าเป็น 99 ปี ไม่ได้หมายถึงการขายชาติ แต่คือ การดึงดูดทุนคุณภาพ ทั้งแรงงาน ทักษะ เทคโนโลยี และรายได้ภาษี ที่จะตามมาในระยะยาว
จากอสังหาฯ สู่โครงสร้างเศรษฐกิจ
อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่แค่ภาคธุรกิจอีกต่อไป หากแต่เป็น “ภาพสะท้อนกำลังซื้อ” ของประชาชนปัจจุบันยอดโอนบ้านยังคงระดับปีละประมาณ 9.5 แสนล้านบาท แต่โครงสร้างของยอดขายกลับเปลี่ยนไป บ้านมือหนึ่งลดลง ในขณะที่บ้านมือสองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย
“ความต้องการบ้านยังมี แต่คนไม่สามารถซื้อบ้านใหม่ได้ เพราะรายได้ไม่โต สวนทางกับราคาที่ดิน และค่าก่อสร้างที่พุ่งสูง”
เมื่อผู้บริโภคปรับตัว ธุรกิจอสังหาฯ เองก็ต้องเปลี่ยนแปลง แสนสิริจึงแตกไลน์ธุรกิจ รับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า ด้วยการใช้กำลังผลิตจากโรงงานคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีอยู่เดิม นี่ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่คือ การอ่านเกมขาด และปรับตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
เปิดประเทศ...ด้วยความกล้า และสมดุล
คำว่า ‘Quick Win’ ในบริบทเศรษฐกิจไทยวันนี้ ไม่ได้หมายถึงมาตรการที่เร่งกระตุ้นการใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการปรับวิธีคิด และกติกา เพื่อเปิดรับทุนจากภายนอกอย่างมีวิจารณญาณ
“ถ้าเราไม่เปิดใจ ประเทศไทยจะแข่งขันไม่ได้...เราจะเอา ‘Magnet’ อะไรมาดึงต่างชาติ?”
ในยุคที่เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่เทคโนโลยี และทุนไหลเวียนอย่างไร้พรมแดน ประเทศที่สามารถ “ดึงดูด” และ “เก็บเกี่ยว” ได้มากที่สุด คือประเทศที่กล้ายอมรับการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมายอสังหาฯ แต่รวมถึงระบบภาษีสำหรับแรงงานต่างชาติ สาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับ Data Center ไปจนถึง Digital Asset ที่ยังรอการคลี่คลายของกติกา
อสังหาฯ ในมิติใหม่
“อสังหาฯ จะเติบโตได้จาก Real Demand ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไร”
ยุคเฟื่องฟูของอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยสต๊อก และราคากำลังผ่านพ้น การลงทุนต่อจากนี้ต้องตอบโจทย์ความต้องการจริง ไม่ใช่ความคาดหวังลมๆ แล้งๆ
แม้ “Digital Asset” ยังไม่เป็น Game Changer ในตอนนี้ แต่ในอนาคต หากเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในรูปแบบใหม่ได้มากขึ้น ก็อาจเป็นอีกแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยขยับเขยื้อน
แลนด์สเคปใหม่...ธุรกิจใหม่
ภูมิภักดิ์ยังชี้ให้เห็นแนวโน้มความร่วมมือระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยในวันนี้มีลักษณะคล้ายญี่ปุ่นในอดีตช่วงเศรษฐกิจโตช้าการร่วมทุน การปรับพอร์ตธุรกิจ และการควบรวมกิจการ จึงเป็นภาพที่อาจเกิดขึ้นถี่ขึ้นในระยะถัดไปโดยเฉพาะในธุรกิจที่ใช้ต้นทุนสูง หรือยอดขายช้าลงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน แสนสิริปรับตัว โดยการแตกไลน์ธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะบ้านมือหนึ่งลดลง แต่เรามีโรงงานผลิตคอนกรีนสำเร็จรูปจึงใช้กำลังการผลิตที่เหลือไปเจาะกลุ่มตลาดใหม่ที่เขาต้องการ สร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ตอบโจทย์คนที่กังวลใช้ผู้รับเหมาสร้างบ้าน
"ธุรกิจตรงนี้เข้ามาช่วยชดเชยธุรกิจมือหนึ่งที่หายไป และแนวโน้มการร่วมทุนเพิ่มขึ้นเหมือน 10ปีที่ผ่านมา มีบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในช่วงที่เศรษฐกิจไม่โต "
เศรษฐกิจไทยจะรอดพ้นจาก “กับดัก” ได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ “เรากล้าพอจะเปลี่ยนหรือยัง?”
เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนกติกา เปลี่ยนจุดขายของประเทศจากราคาถูกเป็นคุณภาพสูง เปลี่ยนเครื่องยนต์จากเดิมที่หมดแรงเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่อาศัยความร่วมมือ และแรงดึงดูดจากทั่วโลก
“วันนี้เราไม่ได้ขาดแค่เงิน...แต่เราขาด ‘ความกล้า’ ที่จะเปิดประเทศให้แข่งขันได้” นี่ไม่ใช่แค่โจทย์ของรัฐบาล แต่คือโจทย์ร่วมของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่ต้องคิด และเคลื่อนไปพร้อมกัน...ก่อนที่โอกาสสุดท้ายจะหลุดลอยไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







