อสังหาฯอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง JLL ปิดดีลขายโรงงานให้ AIMIRT

อสังหาฯอุตสาหกรรม "โรงงาน-คลังสินค้า"โตต่อเนื่องล่าสุด JLL ประกาศปิดดีลใหญ่ขายโรงงานพรีซิชั่น โกลบอล ให้ AIMIRT ไปต่อยอดธุรกิจ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพไทย
กฤช ปิ่มหทัยวุฒิ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุน JLL ประเทศไทย กล่าวว่า ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์หลายประเภททั่วโลกยังอยู่ในภาวะระมัดระวัง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรมของไทยกลับคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลยุทธศาสตร์ที่มีระบบสาธารณูปโภคพร้อมสรรพ และอยู่ใกล้แหล่งซัพพลายเชนหลัก ปัจจัยเหล่านี้หนุนให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายสำคัญของนักลงทุนจากทั่วโลก ท่ามกลางกระแสการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
หนึ่งในแนวโน้มที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า คือ กลยุทธ์ “การขายและเช่ากลับ” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ถาวรเป็นทุนหมุนเวียนได้ทันที ขณะเดียวกันยังคงใช้พื้นที่ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นทางเลือกที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำจากค่าเช่า
ล่าสุด JLL ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จในการปิดดีลขายและเช่ากลับโรงงานของ บริษัท พรีซิชั่น โกลบอล ผู้ผลิตหัววาล์วสเปรย์รายใหญ่ระดับโลก บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ภายในนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE จังหวัดระยอง โดยผู้ซื้อคือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ AIMIRT ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม
“กลยุทธ์ขายและเช่ากลับเป็นแนวทางบริหารสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ทั้งสองฝ่ายผู้ขายได้รับเงินทุนไปใช้ลงทุนต่อ โดยไม่สะดุดการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้ซื้อได้สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ตั้งแต่วันแรก”
จากมุมของผู้ขาย พรีซิชั่น โกลบอล มองดีลนี้เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน เพื่อนำเงินทุนไปลงทุนในนวัตกรรมและขยายธุรกิจทั่วโลก โดยมีประเทศไทยเป็นฐานที่แข็งแกร่งดีลนี้สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทย
“การมีความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้น จะช่วยให้เราพัฒนาและขยายบริการได้รวดเร็วขึ้น”เธียรีย์ บวน ซีอีโอ พรีซิชั่น โกลบอล
ด้าน AIMIRT มองว่าสินทรัพย์จากดีลนี้ช่วยเพิ่มคุณภาพพอร์ตการลงทุนของกองทรัสต์ โดยเฉพาะการได้ผู้เช่าระดับโลกเข้ามาอยู่ในพอร์ตตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งทำให้การลงทุนมีความมั่นคงและสร้างผลตอบแทนระยะยาวพร้อมสร้างผลตอบแทนมั่นคง และโอกาสเติบโตในตลาดอุตสาหกรรมไทยที่แข็งแกร่ง
แนวโน้มนี้กำลังสะท้อนภาพใหม่ของตลาดอสังหาฯ อุตสาหกรรมไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียง “ที่ดินสำหรับโรงงาน” แต่เป็น “สินทรัพย์ลงทุน” ที่ดึงดูดเงินทุนระดับโลกเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง นักลงทุนต่างมองหาสินทรัพย์ที่สร้างรายได้มั่นคง ความเสี่ยงต่ำ และมีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งอสังหาฯ ภาคอุตสาหกรรมไทย ตอบโจทย์นี้ได้อย่างครบถ้วน
กฤช กล่าวว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนหลายประการ ประกอบกับตลาดทุนที่มีภาวะตึงตัวแม้ดอกเบี้ยจะเข้าสู่ช่วงขาลง การขายและเช่ากลับจะเป็นรูปแบบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งสำหรับบริษัทผู้ประกอบการและกลุ่มนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยการขายและเช่ากลับเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสามารถแปลงสินทรัพย์เป็นทุนและหันไปทุ่มเททรัพยากรให้กับธุรกิจหลักของตน ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่พร้อมลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากสินทรัพย์ที่เข้าซื้อ
“อสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ได้รับความสนใจสูงทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติเราเชื่อว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป หนุนด้วยหลายปัจจัย ได้แก่ การที่ทำเลที่ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ประกอบกับการมีระบบสาธารณูปโภคที่แข็งแกร่งที่รวมถึงท่าเรือน้ำลึกต่างๆ และการเชื่อมโยงกับตลาดหลักๆ
ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค "
นอกจากนี้ ภาครัฐฯยังมีนโยบายสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุน ในขณะเดียวกัน แนวคิด China+1ที่ว่าด้วยกลยุทธ์ของบริษัทข้ามชาติที่ต้องการกระจายฐานการผลิตและความเสี่ยงทางธุรกิจ
โดยลดการพึ่งพาประเทศจีนเพียงแห่งเดียวและมองหาประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเป็นฐานการผลิตหรือดำเนินงานแห่งที่สองเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสการมีบริษัทข้ามชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะเสริมสร้างให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”







