พลัส แนะวิธีรับมือปัญหาดินทรุดในเมืองภัยเงียบพื้นที่ก่อสร้าง

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้จุดเสี่ยงสำคัญที่อาคารควรเฝ้าระวังดินทรุดตัว ทั้งบริเวณใกล้แหล่งน้ำและไซต์ก่อสร้างขนาดใหญ่ พร้อมแนะวิธีตรวจสอบและแนวทางป้องกัน
KEY
POINTS
- ปัญหาดินทรุดมักเกิดในพื้นที่ดินอ่อน ใกล้แหล่งน้ำและไซต์ก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่ออาคารและระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน
- แนะให้เฝ้าระวังเบื้องต้นด้วยการหมั่นตรวจสอบความผิดปกติรอบอาคารด้วยสายตา เช่น รอยร้าว หรือระดับพื้นดินที่เปลี่ยนแปลงไป
- อาคารในพื้นที่เสี่ยงควรเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ และหากพบปัญหาให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเจรจากับโครงการก่อสร้างข้างเคียงถึงมาตรการป้องกัน
ภคิน เอกอธิคม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เผยว่า ในโลกของการพัฒนาเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ “ปัญหาดินทรุด” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีลักษณะดินอ่อน หรืออยู่ในบริเวณที่มีการก่อสร้างหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานคร ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย แต่ยังอาจกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว
“อาคารที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือพื้นที่ติดแหล่งน้ำ และบริเวณที่อยู่ใกล้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโพรงหรือการทรุดตัวของดินมากกว่าพื้นที่อื่น”
โดยปกติ ทีมบริหารจัดการอาคารจะมีการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นประจำผ่าน วิธี Visual Check หรือการตรวจสอบด้วยสายตา เช่น การดูรอยร้าวที่ผิดปกติ หรือความเปลี่ยนแปลงระดับพื้นในจุดต่างๆ รอบอาคาร ไม่ว่าจะเป็นทางเดิน สนามหญ้า ถนน หรือรั้ว ซึ่งหากมีการทรุดตัวผิดสังเกต ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกรโยธา เพื่อวิเคราะห์ความเสียหายและวางแผนการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม
เมื่อพื้นทรุด...ผลกระทบไม่จบแค่โครงสร้าง
การทรุดตัวของดินไม่เพียงส่งผลต่อผิวทางหรือทัศนียภาพรอบอาคารเท่านั้น หากรุนแรงขึ้นยังอาจส่งผลกระทบต่อ ระบบสาธารณูปโภค ที่ฝังอยู่ใต้ดิน เช่น ท่อน้ำ สายไฟ หรือระบบสื่อสาร ซึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วไหลหรือหยุดชะงักในการใช้งานได้ทันที
แม้อาคารส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้มีโครงสร้างแข็งแรง ยึดแน่นกับเสาเข็มลึก แต่พื้นที่โดยรอบ เช่น ทางเท้า หรือถนนที่ตัดแยกจากตัวอาคาร มักเป็นพื้นที่ Slab on Ground พื้นคอนกรีตที่วางบนดินอัดแน่น ซึ่งทรุดตัวได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ใกล้กับไซต์ก่อสร้างที่มีการขุดดินลึก หรือไม่มีระบบป้องกันการพังทลายของดินอย่างรัดกุม
“ดินที่ทรุดตัวอาจกลายเป็นโพรงใต้ผิวดิน และโพรงนั้นคือจุดเริ่มต้นของความเสียหายที่อาจขยายตัวได้มากกว่าที่เราคาดคิด”
แนวทางเฝ้าระวัง-ป้องกัน...เพื่อความมั่นใจระยะยาว
เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แนะนำให้เพิ่ม ความถี่ในการตรวจสอบ สำหรับอาคารที่อยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยง และหากพบความผิดปกติ ควรรีบประสานผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง เพื่อเข้าประเมินและหามาตรการป้องกันในเชิงลึก
อีกแนวทางที่ควรดำเนินการร่วมกันคือ การหารือกับโครงการก่อสร้างใกล้เคียง เพื่อสอบถามแนวทางการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่ออาคารที่อยู่ใกล้เคียง เช่น มาตรการควบคุมฝุ่น เสียง และการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจตามมา
แม้ว่า “ดินทรุด” จะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และบางครั้งไม่สามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การบริหารจัดการความเสี่ยง และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝัน และเสริมความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย
“แม้ดินทรุดจะไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดแต่เราสามารถ ‘เตรียมพร้อม’ รับมือได้ด้วยความเข้าใจและการเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ”
ในยุคที่การพัฒนาเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ เช่น ภาวะดินทรุด กลายเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้จะเป็นปัญหาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวดิน แต่สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินได้
แนวทางจาก พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จึงไม่เพียงให้ความรู้แก่ผู้ดูแลอาคาร หากยังเป็นโมเดลของการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย และรักษามูลค่าทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างยั่งยืนในระยะยาว







