อสังหาฯ ยื่น 9มาตรการฟื้นตลาด สู้เศรษฐกิจซบ-รีเจกต์เรตพุ่ง

อสังหาฯ ยื่น 9มาตรการฟื้นตลาด  สู้เศรษฐกิจซบ-รีเจกต์เรตพุ่ง

อสังหาฯเผชิญภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นถดถอย ขณะที่ต้นทุนพุ่ง-สินเชื่อหด สมาคมอสังหาฯ ชง 9 มาตรการเร่งด่วนลดรีเจกต์เรต ฟื้นกำลังซื้อรับมือเศรษฐกิจปี69

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนเสนอ 9 มาตรการต่อรัฐบาลเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ รับมือภาวะเศรษฐกิจซบเซาและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้น
  • ข้อเสนอหลักมุ่งเน้นการลดภาระผู้ซื้อ เช่น การลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง, การต่ออายุมาตรการ LTV และการสนับสนุนทางการเงินผ่านซอฟต์โลน
  • มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังมีการคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ ปี 2568 อาจหดตัว 5-15% จากกำลังซื้อที่อ่อนแอและข้อจำกัดด้านสินเชื่อ

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังไร้เสถียรภาพ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 ยังไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนชะลอตัว ทั้งฝั่งอุปสงค์ที่อ่อนแรง และข้อจำกัดด้านสินเชื่อที่ยังคงสูง ส่งผลให้ภาพรวมตลาดมีแนวโน้มติดลบระหว่าง 5–15% โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารชุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่กลุ่มบ้านจัดสรรยังพอไปได้
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุว่า ครึ่งแรกปี2568  ยอดขายใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลลดลง 22,032 หน่วย  คาดการณ์ว่า ยอดโอน343,678 หน่วยมูลค่า964,027ล้านบาท ยอดเปิดตัวโครงการใหม่52,000 หน่วยมูลค่า390,000ล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อ582,800ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบ2ปีก่อนหน้า

อธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวในประชุมสัมมนาวิชาการประจำปี 2568 ครั้งที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “วิเคราะห์ พลิกฟื้น จุดเปลี่ยนตลาดอสังหาริมทรัพย์” สะท้อนเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจที่ยังเต็มไปด้วยความกังวล พร้อมกันนั้น ยังได้มีการเสนอชุดมาตรการ 9 ข้อที่ภาคเอกชนผลักดันผ่านสภาหอการค้าไทยไปยังภาครัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบระยะสั้น และวางรากฐานให้ตลาดเริ่มกลับเข้าสู่สมดุล
 

อสังหาฯ ยื่น 9มาตรการฟื้นตลาด  สู้เศรษฐกิจซบ-รีเจกต์เรตพุ่ง

9 มาตรการภาคเอกชนเสนอรัฐ

 มาตรการที่เสนอครอบคลุมทั้งฝั่งอุปสงค์และซัพพลาย เช่น

1.การต่ออายุมาตรการ LTV

2.ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง

3.ออกมาตรการ “บ้านดีมีดาวน์”

4.การรับประกันสินเชื่อผ่าน บสย.

5.ปล่อยกู้ซอฟต์โลน

6.ออกสิทธิประโยชน์ดึงต่างชาติ เช่น วีซ่าระยะยาว

7.ลดภาษีที่ดิน 50-90% สำหรับบ้านหลังแรก

8.ทบทวนขนาดบ้านจัดสรรให้เหมาะสม

9.ค้ำประกันอสังหาฯเชิงพาณิชย์ผ่าน บสย.

ทั้งหมดนี้สะท้อนความพยายาม “ประคองตลาด” ท่ามกลางพายุลูกใหญ่ที่ยังไม่ผ่านพ้น ทั้งหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง รีเจกต์เรตที่ไม่ลดลงมา 3 ปี และเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง

ต่างชาติเริ่มขยับ แต่ยังไม่ใช่คำตอบ

แม้จะมี “สัญญาณบวก” จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามา เช่น เมียนมา และไต้หวัน แต่กำลังซื้อนี้ยังไม่เพียงพอชดเชยการหดตัวในประเทศ ขณะที่เงินบาทแข็ง ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ

“ผู้ประกอบการต้องไม่ประมาท เพราะอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ต้องแบกรับต้นทุนสูง หากสะสมสต็อกมากเกินไป จะยิ่งหนัก ต้องเร่งระบายของ เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียน”

แม้มาตรการภาครัฐจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการ “ซื้อเวลา” ให้ธุรกิจ แต่การปรับตัวของผู้ประกอบการเองเป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการบริหารสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบสินค้าให้ตรงกับกำลังซื้อจริง และการหาช่องทางเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น กลุ่มคนรุ่นใหม่ และต่างชาติ

ขณะที่ภาครัฐจำเป็นต้อง “เร่งมือ” ในการตัดสินใจด้านนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน การคลายเกณฑ์สินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค