‘อินเด็กซ์’ ฝ่าตลาดอสังหาซึม! หันลุย‘รีเทลไลฟ์สไตล์’เจาะ GEN Z

‘อินเด็กซ์’ ฝ่าตลาดอสังหาซึม!  หันลุย‘รีเทลไลฟ์สไตล์’เจาะ GEN Z

ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ซบเซา กระทบยอดขายเฟอร์นิเจอร์ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” จึงแตกไลน์สู่รีเทลไลฟ์สไตล์จับGEN Z

KEY

POINTS

  • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ปรับกลยุทธ์รับมือตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยหันมาบุกธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Gen Z
  • คว้าสิทธิ์แฟรนไชส์ "Flying Tiger Copenhagen" แบรนด์วาไรตี้สโตร์จากเดนมาร์ก เพื่อเป็นหัวหอกในการขยายธุรกิจใหม่
  • ชูจุดเด่นสินค้าดีไซน์มีเอกลักษณ์ในราคาจับต้องได้ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อสินค้า "ฮีลใจ" 

กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อลดความเสี่ยง แต่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตธุรกิจ และตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ “INDEX NEXTPERIENCE & BEYOND + SUSTAINABLE FUTURE” ตั้งเป้าขยายขอบเขตจากผู้นำด้าน Living Lifestyle Mall ไปสู่ธุรกิจที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านแนวคิด Triple Bottom Line - Performance, People และ Planet เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน

จับมือ Flying Tiger Copenhagen

ไพ่ใบสำคัญในเกมค้าปลีกของ "อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์"  คือ การคว้าสิทธิ์แฟรนไชส์ Flying Tiger Copenhagen (FTC) แบรนด์วาไรตี้จากเดนมาร์ก ที่มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก โดย อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นผู้ถือสิทธิ์เพียงรายเดียวในประเทศไทย
 

จุดแข็งของ FTC คือ “ดีไซน์เหนือความคาดหมายในราคาที่จับต้องได้” และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ Scandinavian ซึ่งตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่มองหาสินค้า “เล็กๆ น้อยๆ” ที่เติมเต็มอารมณ์ได้ในทุกวัน

Insight คนช้อปของขวัญช่วยฮีลใจ

หลังผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจาก “สินค้าจำเป็น” สู่ “สินค้าเติมใจ” ซึ่งเป็นโอกาสทองของตลาดวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ จากข้อมูลจาก Euromonitor และ Statista พบว่า ในปี 2567 มีมูลค่าตลาดกว่า 30,300 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตถึง 7% ต่อปี

สิ่งที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมคนเมืองในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา เริ่มให้ความสำคัญกับ “ความสุขเล็กๆ” ที่ซื้อได้ง่าย และให้รางวัลกับตัวเอง เช่น ของขวัญ ของตกแต่ง หรือของใช้แปลกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีพฤติกรรมชอปปิงเฉลี่ย 200-350 บาทต่อครั้ง เพียงเพราะอยาก “feel good” กับชีวิตประจำวัน

“ผู้บริโภคยุคนี้ ไม่ได้มองแค่สินค้าสวยหรือถูก แต่เลือกจากความรู้สึกขณะซื้อและใช้ ความสุขเล็กๆ ที่มีความหมายมาก”
 

 ไอเทมกว่า 1,700 SKU หาที่ไหนไม่ได้

FTC แตกต่างจากร้านวาไรตี้ทั่วไป ด้วยสินค้า 14 กลุ่มหลัก รวมกว่า 1,700 SKU ตั้งแต่แกดเจ็ต ของเล่นเด็ก อุปกรณ์ปาร์ตี้ ไปจนถึงของขวัญตามเทศกาล ที่ออกแบบโดยทีมดีไซเนอร์จากเดนมาร์ก โดยเฉพาะจุดขายคือ “Unexpected Shopping” เพราะ 70% ของลูกค้าเข้าร้านโดยไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของชิ้นใด แต่เดินออกไปพร้อมของที่สร้างรอยยิ้ม หรือไอเดียใหม่

การออกแบบร้านแบบ “Maze” เดินเข้าออกทางเดียว ผสานแสง warm white และโทนไม้ธรรมชาติ ช่วยให้ทุกสินค้าโดดเด่น และสร้างบรรยากาศให้การเดินชมร้านเหมือน “การผจญภัยในโลกของความคิดสร้างสรรค์”

ผสานความยั่งยืนในทุกดีไซน์

ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นอีกหนึ่งหัวใจของ FTC ที่ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นพันธกิจของแบรนด์ เช่น การเลือกใช้วัสดุ FSC, ไม้ธรรมชาติ และวัสดุที่รีไซเคิลได้ พร้อมทั้งออกแบบสินค้าให้แยกชิ้นส่วนง่ายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 

สินค้าจาก FTC จึงเป็นมากกว่าของน่ารัก แต่คือการ “ช้อปด้วยความรับผิดชอบ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง Planet ในกลยุทธ์ Triple Bottom Line ของ ILM

‘อินเด็กซ์’ ฝ่าตลาดอสังหาซึม!  หันลุย‘รีเทลไลฟ์สไตล์’เจาะ GEN Z

วางเป้า 30 สาขา 800 ล้านบาทใน 3 ปี

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ตั้งงบลงทุนกว่า  200 ล้านบาท สำหรับแผน 3 ปี (2568-2570) วางแผนขยาย FTC ให้ครบ 30 สาขา ทั่วประเทศ โดยมีทั้งร้าน Standalone ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และรูปแบบ Shop-in-Shop ภายใน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาต่างๆ

เริ่มจากสาขาแรก “เอ็มสเฟียร์” ใจกลางกรุงเทพฯ และจะทยอยเปิดอีก 5 สาขาภายในปี 2568 ได้แก่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ พัทยา, แฟชั่นไอส์แลนด์, ซีคอนสแควร์, แพลทินัม มอลล์ และ เดอะมอลล์ บางกะปิ

“ภายใน 3 ปี เราตั้งเป้า Flying Tiger Copenhagen สร้างรายได้ 800 ล้านบาท ถือเป็นหมุดหมายใหม่ของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ในตลาดค้าปลีกวาไรตี้และไลฟ์สไตล์”

ต่อยอดจากเดิม เติมเต็มในสิ่งที่ขาด

แม้ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” จะมีความแข็งแกร่งในตลาดเฟอร์นิเจอร์ แต่การขยายไปสู่ธุรกิจค้าปลีกวาไรตี้ที่ยังเชื่อมโยงกับแก่นของแบรนด์ “Living” ถือเป็นการต่อยอดที่ลงตัว เมื่อผู้บริโภคไม่ได้ต้องการแค่ “ของใช้ในบ้าน” แต่ต้องการ “แรงบันดาลใจในชีวิต” Flying Tiger Copenhagen จึงเข้ามาตอบโจทย์ตรงจุด เติมเต็มช่องว่างของตลาดค้าปลีกไทยที่กำลังเปลี่ยนโฉม

การ Diversify ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการแตกไลน์ แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดในการทำธุรกิจ จาก “ขายของใช้” สู่ “ขายประสบการณ์” ผ่านสินค้าเล็กๆ ที่มอบความสุขให้ผู้คนในทุกวัน

ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่ชะลอตัว! แต่ยังเป็นการวางรากฐานใหม่สำหรับการเติบโตในระยะยาว พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาความหมายในทุกการจับจ่าย และในวันที่โลกเปลี่ยนเร็วขึ้นทุกวัน ILM กำลังแสดงให้เห็นว่า “การเติบโตอย่างยั่งยืน” คือการฟังเสียงผู้บริโภค และกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ อย่างแท้จริง