NaRaYa เยาวราช เมื่อแบรนด์กระเป๋าผ้าไทยเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่

NaRaYa เยาวราช เมื่อแบรนด์กระเป๋าผ้าไทยเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่

CBRE หนุน NaRaYa แตกไลน์สาขา Standalone ใจกลางเยาวราช ปั้น “NaRaYa Chinatown” เป็น Destination ใหม่ของนักช้อป-นักท่องเที่ยว

KEY

POINTS

  • NaRaYa เปิดสาขาใหม่ "NaRaYa Chinatown" ที่หัวมุมถนนเยาวราช โดยวางตำแหน่งให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว
  • สาขาใหม่เป็น Iconic Store ที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีนร่วมสมัย และขยายเวลาเปิดถึงเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักช้อปยามค่ำคืน
  • ตั้งเป้ารายได้รวมทะลุ 1,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 

กลางหัวมุมถนนเยาวราชตัดกับซอยเท็กซัส หนึ่งในพื้นที่ที่พลุกพล่านที่สุดของกรุงเทพฯ แบรนด์กระเป๋าผ้าสัญชาติไทยอย่าง NaRaYa กำลังเขียนบทใหม่ของตนเอง ด้วยการเปิดตัว “NaRaYa Chinatown” สาขาแบบ Standalone ที่ไม่ได้เป็นแค่ “ร้านค้า” แต่คือแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติต้องแวะมาเช็กอิน

การเลือกเยาวราช ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมจีน ผสมกับจังหวะชีวิตของนักช้อปช่วงค่ำคืน คือการเลือกที่ “คิดมาแล้ว” โดยมี CBRE ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเบื้องหลัง ตั้งแต่การเฟ้นหาทำเล จัดการสัญญาเช่า ไปจนถึงการให้ข้อมูลเชิงลึกของตลาดค้าปลีก

“เราไม่ได้มองแค่เปิดร้าน แต่เรามองเยาวราชเป็นเวทีที่ NaRaYa จะเล่าเรื่องของไทยในรูปแบบร่วมสมัย”
 

จาก Insight สู่ Iconic Store

สาขา NaRaYa Chinatown ได้รับการออกแบบในรูปแบบ Iconic Store ที่กลมกลืนระหว่างความร่วมสมัยและกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนท้องถิ่น โดดเด่นด้วยเวลาทำการที่ “ยาวเป็นพิเศษ” ตั้งแต่ 09.00 – 24.00 น. รองรับไลฟ์สไตล์ของนักช้อปช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นจังหวะที่เยาวราช “คึกคักที่สุด” โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ภายในร้านจัดแสดงสินค้ามากกว่า 2,000 รายการ ครอบคลุมคอลเลกชันหลากหลาย ตั้งแต่ NaRaYa Silk ที่สะท้อนความหรูหรา, Vivid Collection ที่เติมเต็มความสดใส ไปจนถึง Chinese New Year Collection ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับฤดูกาลพิเศษ

“เยาวราชคือศูนย์รวมของเรื่องราว และ NaRaYa คือผืนผ้าที่ถ่ายทอดเรื่องนั้นสู่สายตานักเดินทาง”
 

จุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ในโลกค้าปลีก

CBRE ไม่เพียงช่วยให้ NaRaYa ได้พื้นที่ในฝันใจกลางไชน่าทาวน์ แต่ยังวางกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ลดลง แต่กลุ่มประเทศในอาเซียนอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย กลับเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ความเข้าใจในพลวัตของตลาด และความสามารถในการเจรจาเชิงพาณิชย์ ทำให้ NaRaYa สามารถลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ได้อย่างคุ้มค่า พร้อมเปิดทางให้แบรนด์ไทยขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ได้อย่างมั่นใจ

เป้าหมายใหม่ สู่รายได้พันล้าน

ปัจจุบัน NaRaYa มีทั้งหมด 19 สาขา รวมถึง 1 สาขาเฉพาะผ้าไหม และยังมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา ภายในปี 2568 ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลัก โดยอาศัยแรงส่งจากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถ ผลักดันรายได้รวมทะลุ 1,000 ล้านบาท ได้ภายในสิ้นปี

นอกจากนี้ แบรนด์ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ ด้วยความร่วมมือกับคาแร็กเตอร์ไทยยอดนิยมอย่าง Butterbear (น้องหมีเนย) และการ Collab กับศิลปินอื่นๆ ที่จะทยอยเปิดตัวในคอลเลกชันต่อไป

NaRaYa Chinatown ไม่ได้เป็นแค่สาขาใหม่ แต่คือบทพิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยสามารถเติบโตได้อย่างสง่างาม หากเข้าใจหัวใจของทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และพฤติกรรมผู้บริโภค โดยมีพันธมิตรอย่าง CBRE ที่ไม่ได้เป็นเพียง “ที่ปรึกษา” แต่คือกลไกขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในโลกค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา