3สมาคมอสังหาฯชง “Quick Win”รัฐบาลอนุทินหวังฟื้นเศรษฐกิจ

3สมาคมอสังหาฯชง “Quick Win”รัฐบาลอนุทินหวังฟื้นเศรษฐกิจ

3 สมาคมอสังหาฯ ผนึกกำลัง เสนอมาตรการเร่งด่วน “Quick Win” ถึงรัฐบาลอนุทิน หวังจุดประกายการฟื้นตัวภาคเศรษฐกิจ ผ่านมหกรรมบ้านและคอนโดปลายปี

KEY

POINTS

  • 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์เสนอมาตรการเร่งด่วน “Quick Win” ต่อรัฐบาลใหม่ของนายกฯ อนุทิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูภาคอสังหาฯ ที่ยอดขายตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
  • ข้อเสนอมาตรการ  ขยายเพดานการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา และ  เสนอให้ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50%

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ในจังหวะที่เศรษฐกิจไทยกำลังรอ “แรงกระตุ้น” ใหม่ หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ยังเดินไม่เต็มฝีเท้าคือภาคอสังหาริมทรัพย์ธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อจีดีพี คิดเป็นสัดส่วนถึง 8-12% และรองรับการจ้างงานกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ยอดขายบ้านและคอนโดตกลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลายฝ่ายคาดหวังว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 แต่กลับพบว่า ไตรมาส 2 ปี2568 ยังต่ำกว่าคาด สะท้อนถึงภาวะถดถอยที่ลึกกว่าที่ประเมินไว้

นายกสมาคมอาคารชุดไทย จึงออกมาเคลื่อนไหวพร้อมด้วยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เสนอ 3 มาตรการระยะสั้น หรือ “Quick Win” แก่รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล

“ภาคอสังหาฯ คือระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เมื่อชะลอตัว ย่อมสะเทือนถึงทั้งซัพพลายเชน”
 

นายประเสริฐ  ได้นำเสนอ 3 มาตรการ “Quick Win” กู้วิกฤตอสังหาฯ ดังนี้ 1. ขยายเพดานลดค่าโอน-จดจำนองแบบ “ไม่มีลิมิต” มาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองในอดีต จำกัดเฉพาะที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท แต่วันนี้ สมาคมฯ เสนอให้ขยายไปยังทุกระดับราคา เพื่อปลดล็อกกำลังซื้อทุกกลุ่มในตลาด มาตรการนี้จะช่วยเร่งกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์และระบายสต็อกคงค้างของผู้ประกอบการ ก่อนสิ้นปี 2568 หรือตามกรอบ 4 เดือนแรกของรัฐบาลใหม่ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลา “ชี้เป็นชี้ตาย” ต่อทิศทางตลาดในปีหน้า

2. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ผ่าน กนง. ในช่วงเวลาที่ประชาชนและนักลงทุนยังรัดเข็มขัด ความหวังอยู่ที่ต้นทุนการเงินที่ถูกลง สมาคมฯ จึงเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.50% เพื่อส่งสัญญาณผ่อนคลายไปยังแบงก์พาณิชย์ กรณีศึกษาเมื่อ กนง. เคยลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% แบงก์เอกชนก็ปรับตามทันที แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการส่งผ่านนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ

3. เข้าพบนายกฯ เสนอแผนระยะสั้นเพิ่มเติม นอกจากหนังสือที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน สมาคมฯ เตรียมเข้าพบกับนายอนุทิน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอเชิงนโยบายอีกครั้ง พร้อมจับมือเดินหน้าไปสู่มาตรการระยะยาวในอนาคต
 

Fast Track สู่โอกาสครั้งใหม่

นอกจากข้อเสนอเชิงนโยบาย กลไกสำคัญที่จะช่วยฟื้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คือ งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 ที่ 3 สมาคมจับมือกันจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้จัดภายใต้แนวคิด “New Marketplaces, Serve Supply on Every Demand” โดยมีไฮไลต์คือกลยุทธ์ “Fast Track – ทางด่วนคนอยากมีบ้าน” ที่ออกแบบให้ทุกขั้นตอนของการซื้อบ้านง่าย รวดเร็ว และเข้าถึงได้จริง

“ถ้ารัฐบาลออกมาตรการทันเวลา งานนี้จะจุดประกาย ‘ความหวัง’ ให้ผู้ซื้อ และ ‘ความเชื่อมั่น’ แก่ผู้ประกอบการ”

พื้นที่จัดงานกว่า 6,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยผู้ประกอบการมากกว่า 150 บริษัท จากทั่วประเทศ พร้อมโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 1,000 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท ถือเป็นมหกรรมที่คาดว่าจะสร้าง “แรงกระเพื่อม” ทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจะมียอดขายกว่า 20,000 ล้านบาท

Multiplier Effect ที่ไม่ควรมองข้าม

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีเพียงบทบาทด้านที่อยู่อาศัย แต่ยังมีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจภาพใหญ่ ผ่านการจ้างงาน การใช้วัสดุก่อสร้างท้องถิ่น (Local Content) ซึ่งสูงถึง 90% และการสร้างดีมานด์ให้กับซัพพลายเชนต่อเนื่อง ทั้งเหล็ก ปูน เซรามิก เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงแรงงานก่อสร้าง

“อสังหาฯ คือหัวรถจักรเศรษฐกิจ ที่ต้องการน้ำมันด่วน เพื่อวิ่งต่อได้ทันที”

หากมาตรการรัฐสามารถ “เร่งเครื่อง” ได้ทันเวลา ผลที่ตามมาจะไม่ใช่แค่ยอดขายบ้าน แต่จะสะท้อนไปถึงตัวเลขการบริโภค ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และแรงส่งเศรษฐกิจที่มากกว่าการลงทุนภาครัฐในบางภาคส่วนด้วยซ้ำ

เสียงจากภาคอสังหาฯ ไม่ได้เพียงสะท้อนปัญหาธุรกิจ แต่คือกระจกสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง ในช่วงที่หลายประเทศกำลังเร่งเดินหน้า ไทยจำเป็นต้องขยับให้ทัน มาตรการ “Quick Win” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของตลาดบ้าน แต่คือก้าวแรกของการ “ปลุกพลังเศรษฐกิจไทย” ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญสู่ปี 2569

“เราหวังว่างานครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการจุดประกายความเชื่อมั่น สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ”