ตราเพชร ผุดโรงงานอิฐมวลเบาเมืองรอง ชู AI เทคโนโลยีสีเขียวชิงแชร์

ในวาระครบรอบ 40 ปี ตราเพชร เดินเกมรุกเปิดโรงงานใหม่อิฐมวลเบา ติดอาวุธเทคโนโลยีอัจฉริยะAI–Automation พร้อมชิงส่วนแบ่งตลาดจากการเติบโตของภาคก่อสร้างในเมืองรอง
KEY
POINTS
- ตราเพชรทุ่มงบ 648 ล้านสร้างโรงงานอิฐมวลเบาแห่งที่ 2 ที่สระบุรี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็น 8.7 ล้าน ตร.ม. ต่อปี
- โรงงานใหม่ชูเทคโนโลยีสีเขียว ลดการใช้พลังงานและของเสียในกระบวนการผลิต
- เจาะตลาดใน 55 จังหวัดเมืองรอง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดวัสดุก่อสร้าง
ในโลกของวัสดุก่อสร้างที่เคลื่อนไหวช้า แต่มีการแข่งขันสูง การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย… อาจหมายถึงส่วนแบ่งตลาดมูลค่าหลายพันล้านบาท
ตราเพชร ผลิตภัณฑ์หลังคาและโครงสร้างบ้าน กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ ด้วยการเสริมแกร่งธุรกิจอิฐมวลเบา ที่ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกทดแทนอิฐมอญ แต่ยังตอบโจทย์การก่อสร้างยุคใหม่ที่ต้องการความเร็ว ประหยัดพลังงาน และยั่งยืน
“เรากำลังมองอิฐในมุมใหม่ ไม่ใช่แค่สิ่งที่วางซ้อนกัน แต่เป็นระบบอัจฉริยะที่ต้องมีประสิทธิภาพทั้งในแง่ต้นทุน พลังงาน และอนาคต”สาธิต สุดบรรทัด ซีอีโอตราเพชร
มากกว่าการเพิ่มกำลังผลิต คือการสร้างอนาคต
ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของบริษัท DRT ไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่เลือกที่จะ “ลงทุนในอนาคต” ด้วยการเปิดโรงงานอิฐมวลเบาแห่งที่ 2 ที่จังหวัดสระบุรี (AAC-2) พร้อมงบลงทุน 648 ล้านบาท
โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต 2.9 ล้าน ตร.ม. ต่อปี และเมื่อนับรวมโรงงานเชียงใหม่และโรงงานเดิมในสระบุรี DRT จะมีกำลังการผลิตรวมถึง 8.7 ล้าน ตร.ม. พร้อมรองรับดีมานด์ในตลาดที่มีมูลค่าราว 6,840 ล้านบาทต่อปี (คิดเป็นกว่า 360 ล้านก้อนต่อปี)
แยกก่อนอบ ลดพลังงาน ผลิตเร็วขึ้น
โรงงาน AAC-2 ไม่ได้แค่ผลิตมากขึ้น แต่ยังผลิต ได้ฉลาดขึ้น ด้วยการติดตั้งระบบ Green Cake Separating Technology ซึ่งช่วยแยกอิฐก่อนอบ ลดการใช้พลังงาน และลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตลงได้ถึง 4 – 5%
เทคโนโลยีนี้ยังสอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) ที่บริษัทให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นระบบดักจับฝุ่น การหมุนเวียนไอน้ำ–ไอร้อน และการนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิต
“เทคโนโลยีคือคำตอบ เมื่อเราต้องการทำมากกว่าแค่ ‘ผลิต’ แต่อยาก ‘ผลิตอย่างยั่งยืน’”สุนทร สุวรรณเจตต์ ผู้ช่วยซีอีโอสายการผลิต
ไม่ใช่แค่สร้างอิฐ แต่สร้างโอกาสในเมืองรอง 55 จังหวัด
แม้ตลาดอสังหาฯ และการก่อสร้างในปี 2568 ยังชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ DRT มองเห็นโอกาสใน “เมืองรอง” ที่ยังมีศักยภาพเติบโต ทั้งจากโครงการรัฐ และการขยายตัวของดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่สู่ต่างจังหวัด
DRT วางแผนเจาะตลาด 55 จังหวัดนอกเมืองหลัก พร้อมนำเสนอสินค้าสเปกพิเศษ ซึ่งยังมีคู่แข่งไม่มาก และมีความต้องการเฉพาะด้าน เช่น การใช้งานร่วมกับโครงสร้างเสา–คานสำเร็จรูป
“อิฐมวลเบาไม่ได้ขายแค่ก้อน แต่ขาย ‘เวลาที่ประหยัดได้’ ให้กับผู้รับเหมา” พิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ ผู้ช่วยซีอีโอ สายการตลาด
แม้จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ฝ่ายบริหารประเมินว่า โรงงาน AAC-2 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี และใช้เวลาเพียง 9 ปีคืนทุน
โดยในปี 2569 คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรที่อัตราเฉลี่ย 60–70% ก่อนจะเร่งกำลังผลิตในปีถัดไปตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น
“เราไม่ได้มองแค่ยอดขาย แต่คิดถึงความคุ้มค่าของทุกบาทที่ลงทุน”
เกมที่เล่นบนสมรภูมิเดิม แต่ด้วยกติกาใหม่
ในสนามวัสดุก่อสร้างที่ดูเงียบ แต่แข่งกันด้วยการลงทุนเบื้องหลัง การตัดสินใจของ DRT ในการสร้างโรงงาน AAC-2 ไม่ใช่แค่การ “เพิ่มกำลังผลิต” แต่เป็นการ “วางหมาก” ให้บริษัทพร้อมเข้าสู่อนาคตที่วัสดุก่อสร้างต้องไม่เพียงตอบโจทย์ฟังก์ชัน แต่ยังต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีต้นทุนที่แข่งขันได้ และผลิตแบบอัจฉริยะ
อิฐอาจยังคงเป็นวัสดุพื้นฐานของบ้าน แต่ในยุคใหม่นี้… บริษัทที่เข้าใจมันลึกกว่า คือผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้นำตลาด







