‘โนเบิล’ ปรับทัพรับดีมานด์ต่างชาติ ‘แฟรงค์ เหลียง’ รับไม้ต่อ

‘โนเบิล’ ปรับทัพรับดีมานด์ต่างชาติ ‘แฟรงค์ เหลียง’ รับไม้ต่อ

ธงชัย บุศราพันธ์ ส่งไม้ต่อ‘แฟรงค์ เหลียง’ คุมบังเหงียนโนเบิล ชูโมเดล “Light Asset” ลดเสี่ยงเล็งปรับทัพกลางปี 2569 รับศักราชใหม่ รับดีมานด์ต่างชาติไหลมาไทย

KEY

POINTS

  • โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ประกาศการเปลี่ยนผ่านผู้บริหาร โดย "ธงชัย บุศราพันธ์" ส่งไม้ต่อให้ "แฟรงค์ เหลียง" ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการกลางปี 2569 เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ
  • ใช้โมเดลธุรกิจใหม่ "Light Asset" ที่เน้นลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และเพิ่มบทบาทการเป็นตัวแทนขายให้โครงการอื่น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ

ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผมไม่อยากรอถึงอายุ 59 ค่อยส่งไม้ต่อ เพราะการเปลี่ยนผ่านที่ดีควรเกิดขึ้นตอนบริษัทแข็งแรง ไม่ใช่ตอนที่เราเริ่มเหนื่อย

กว่า 30 ปีที่ “ธงชัย บุศราพันธ์” ปลุกปั้น โนเบิล จากยุคที่อสังหาฯยังไม่เป็นที่นิยมของต่างชาติ จนกระทั่งปัจจุบัน “โนเบิล” กลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่มีสัดส่วนยอดขายกว่า 50%

วันนี้การส่งไม้ต่อได้เริ่มขึ้นแล้ว...อย่างเงียบๆ แต่ชัดเจน

เมื่อ “แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง” นักลงทุนต่างชาติ และพันธมิตรธุรกิจของธงชัยมายาวนาน ได้ยื่นทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในโนเบิลเป็น 34.46% เมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเตรียมก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์องค์กรอย่างเต็มตัวในปี 2569

“นี่ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่คือการวางแผนล่วงหน้า...ผมอยากให้โนเบิลกลายเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ถ่ายทอดการบริหารจากรุ่นสู่รุ่น” ธงชัย กล่าวอย่างหนักแน่น

ต่างชาติเปลี่ยนแลนด์สเคปอสังหาฯไทย

เมื่อ 8 ปีก่อน โนเบิล เริ่มเปิดประตูสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้ากว่าตลาดในเวลานั้น ด้วยความเชื่อว่า อสังหาริมทรัพย์ไทยจะไม่ถูกซื้อเพื่ออยู่...แต่จะถูกซื้อเพื่อ “อยู่” และ“ ลงทุน” และ แฟรงค์ เหลียง คือ ผู้ที่เข้ามาต่อยอดวิสัยทัศน์นั้นให้เป็นจริง

แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หลังโควิด-19 ในปี 2564 และ 2565 ยอดขายต่างชาติเพิ่มขึ้น 3,000-4,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดต่างประเทศที่มีส่วนแบ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จนกระทั่งปี 2567 เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะมีโครงการใหม่ที่ร่วมทุนไปขายต่างชาติได้ถึง 10,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย 4,000 ราย กระจายอยู่ใน 50 ประเทศทั่วโลก

“ขณะที่ยอดขายต่างชาติเติบโตจาก 3,000-4,000 ล้านบาทช่วงโควิด จนถึง 10,000 ล้านบาทในปี 2567 ด้วยเครือข่ายตัวแทน 4,000 รายใน 50 ประเทศ”ฟรงค์ เหลียง เผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จ
 

โนเบิลไม่ใช่แค่ขายให้ “คนจีน” อีกต่อไป วันนี้ฐานลูกค้าขยายไปยังอินเดีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มียอดเติบโตสูง 200-600% จากเดิมช่วงโควิดจีนเคยถือสัดส่วนยอดขายสูงถึง 70% แต่วันนี้เหลือเพียง 20-30% นี่คือการ diversify ตลาดต่างชาติ อย่างแท้จริง

‘โนเบิล’ ปรับทัพรับดีมานด์ต่างชาติ ‘แฟรงค์ เหลียง’ รับไม้ต่อ

โมเดลใหม่ “Light Asset” ลดเสี่ยง เพิ่มคล่องตัว

แนวคิดใหม่ที่ “แฟรงค์” นำเข้าสู่โนเบิล คือ โมเดล Light Asset หรือลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หันไปลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน และการเป็น “ตัวแทนขาย” ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นที่ไม่แข่งขันกับตนเอง

“เราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทุกอย่าง การลงทุนอย่างคล่องตัวทำให้เรารับมือกับความผันผวนได้ดีกว่า” 

ตัวอย่างเช่น กรณี “พราว เรียลเอสเตท” ที่ซื้อโครงการ Nue District R9 และ Nue Cross คูคต สเตชัน โนเบิลเข้าไปมีบทบาทเป็นตัวแทนจำหน่ายและบริหารจัดการ มากกว่าจะลงทุนเองทั้งหมด

ปรับทัพกลางปี 2569 รับศักราชใหม่

การเปลี่ยนผ่านไม่ใช่แค่เรื่องคน แต่คือ โครงสร้าง ธงชัย วางแผนไว้อย่างรอบคอบว่า การส่งไม้ต่อควรเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัท “แข็งแรงที่สุด” ไม่ใช่ช่วงเสี่ยง หรือรอจนนาทีสุดท้าย พร้อมวางไทม์ไลน์ชัดเจน

“การเปลี่ยนผ่านโครงสร้างองค์กรจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการกลางปี 2569 โดยผมยังคงถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสอง และยังมีบทบาทในบริษัทต่อไปในช่วงเปลี่ยนผ่าน 3-4 ปี” ธงชัย กล่าว

จากตลาดผู้บริโภคสู่ตลาดนักลงทุน

วันนี้อสังหาริมทรัพย์ไทยไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัย แต่กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศที่มีความไม่แน่นอน เช่น เมียนมา ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่ตะวันออกกลาง

“กรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่กำลังกลายเป็นเมืองแห่ง Retirement และ Investment”

ขณะที่คนไทยมีกำลังซื้อลดลงตามโครงสร้างประชากรที่เป็นพีระมิดหัวกลับ ต่างชาติกลับมองเห็นโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เปิดเสรีมากขึ้น มีกฎหมายชัดเจนในการถือครองคอนโดมิเนียม และยังคงดึงดูดด้วยคุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

การส่งไม้ต่อจาก “ธงชัย” สู่ “แฟรงค์” ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้บริหาร แต่คือการเปลี่ยนทิศทางองค์กรและธุรกิจให้เท่าทันโลก และจากเคยขายอสังหาริมทรัพย์ให้คนไทย...ก้าวสู่ “แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ” ที่รับรู้โอกาสจากทั่วโลก