เศรษฐกิจ-การเมืองฉุดคอนโดหรูแผ่วคนรวยเบรกซื้อดันตลาด3-5ลบ.โต

เศรษฐกิจ-การเมืองฉุดคอนโดหรูแผ่วคนรวยเบรกซื้อดันตลาด3-5ลบ.โต

สถานการณ์เศรษฐกิจ-การเมืองกดดันกลุ่มกำลังซื้อสูงเบรกลงทุนอสังหาฯ ขณะที่ตลาดคอนโดระดับกลาง 3-5 ล้านคึกคัก ตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานรวมถึงนักลงทุนปล่อยเช่า

KEY

POINTS

  • ตลาดคอนโดระดับบนชะลอตัว เนื่องจากผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงขาดความเชื่อมั่นจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน
  • ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับกลยุทธ์หันมาเน้นตลาดคอนโดราคา 3-5 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ของกลุ่มคนทำงาน
  • คอนโดราคา 3-5 ล้านบาทเติบโตขึ้น เพราะเป็นทางเลือกที่คนทำงานสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าบ้านแนวราบ ท่ามกลางภาวะที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

 สมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังไร้ความชัดเจน และการเมืองยังคงปั่นป่วนในสายตาผู้ซื้อคอนโดระดับบน ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์จึงเผชิญจังหวะการ”ชะลอตัว”อย่างเห็นได้ชัดแม้กำลังซื้อของกลุ่มผู้มีฐานะยังมีอยู่มาก แต่สิ่งที่หายไปคือ “ความมั่นใจ” และ “ความจำเป็น” ทำให้หลายคนเลือก “หยุดรอดู” มากกว่าลงมือซื้อจริง

 “ปัจจุบันคอนโดระดับบนไม่ได้ขายไม่ได้เพราะคนไม่มีเงิน แต่เพราะไม่มีอารมณ์ซื้อจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง”
 

พลิกเกมคอนโดหรูสู่เรียลดีมานด์

   ในจังหวะที่ตลาดคอนโดระดับบนเริ่มเงียบ ผู้เล่นรายใหญ่กลับเลือกเดินเกมอย่างมั่นใจ แสนสิริ คือหนึ่งในนั้นที่ไม่หวั่นต่อแรงสั่นสะเทือนของตลาด ด้วยสถานการณ์เงินที่แข็งแรง จึงยังเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้น “คอนโดพร้อมอยู่” และโครงการขนาดกลางที่มีศักยภาพในการขาย

“แม้ว่าปัจจุบันดีมานด์ตลาดคอนโดลดลง แต่ซัพพลายใหม่ลดลงมากกว่า ทำให้ผู้เล่นในตลาดคอนโดน้อยลงมาก คู่แข่งหลักของแสนสิริเปิดตัวคอนโดลดลงมากเปิดโอกาสสำหรับเราที่มีสถานทางการเงินที่แข็งแกร่งจะไปต่อทั้งการเปิดตัวคอนโดใหม่และการขายคอนโดพร้อมอยู่รองรับคนทำงานและนักลงทุน ”

ปัจจุบันตลาดคอนโดที่เปิดขายในตลาด เน้นราคาที่จับต้องได้ระดับราคาอยู่ที่ 130,000 - 150,000บาทต่อตร.ม. หรือตั้งแต่ 3-5ล้านบาทต่อยูนิตเพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่มีเงินเดือน50,000บาทที่สามารถซื้อได้ ทดแทนคอนโดระดับบนที่ชะลอตัวหลายบริษัทเลื่อนการทำตลาดออกไปก่อนเช่นเดียวกับแสนสิริ แต่ยังคงเดินพัฒนาโครงการตามแผน

“แทนที่จะทำการตลาดคอนโดระดับบนหันมาทำตลาดคอนโดสำหรับกลุ่มคนทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา3-5ล้านที่คนสามารถจับต้องได้ง่ายกว่าบ้านที่มีราคาสูงกว่า ”

ปัจจุบันคนกลับมาสนใจคอนโด ด้วย”ความจำเป็น”ในการต้องการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตใกล้ที่ทำงาน หากซื้อไม่ได้ใช้วิธีเช่าแทน เนื่องจากธนาคาปล่อยกู้ยากขึ้นทำให้ภาพคอนโดเปลี่ยนไปจากบ้านหลังที่สองกลายเป็นที่อยู่อาศัยที่สามารถอยู่ได้จริง ทำให้ตลาดคอนโดเพื่ออยู่อาศัยกลายเป็น”ทางเลือก”ของลูกค้ามากขึ้น เน้น”สเปซและราคา”ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นความสำคัญของการ “เข้าใจลูกค้า” และ “ตั้งราคาตรงกำลังซื้อ” โดยกลุ่มเป้าหมายหลักในตอนนี้คือ “คนทำงาน” ซึ่งมีกำลังซื้ออยู่ในช่วง 3-5 ล้านบาท

 จากทางเลือกกลายเป็นทางรอด

 ด้วยความเข้มงวดในการปล่อยกู้ของธนาคาร ทำให้ตลาดบ้านแนวราบราคาสูงถูกจำกัดการเข้าถึงจากกลุ่มคนทำงาน ทำให้คอนโดในระดับราคา 3-5 ล้านบาท กลายเป็น “ทางเลือกใหม่ที่จับต้องได้”

“วันนี้คนกลับมาซื้อคอนโดไม่ใช่เพราะอยากมีอสังหา แต่เพราะต้องอยู่จริง”

 กลุ่มคอนโดระดับราคานี้ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีแหล่งงาน เช่น พระราม 9 สุขุมวิทตอนปลาย รัชดา ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องการเดินทาง แต่ยังเป็นทำเลที่ปล่อยเช่าได้ง่าย

 พระราม 9ทำเลทองของนักลงทุน

 ยกตัวอย่างโครงการ “เดอะ เบส เออร์เบิน พระราม 9” ของแสนสิริคือตัวอย่างชัดเจนของโครงการที่แม้เปิดตัวในช่วงการแข่งขันสูง แต่สามารถรอดจากสงครามราคาได้ ด้วยการเลือกช่วงเวลาขายที่เหมาะสม ในวันที่โครงการสร้างเสร็จ คู่แข่งแทบไม่เหลืออยู่แล้ว ทำให้โครงการขายได้ง่ายขึ้น โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 120,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่เรทค่าเช่า 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. อยู่ที่ 20,000 บาท/เดือน

“เมื่อดีมานด์ลดลง ซัพพลายต้องลดลงให้มากกว่า จึงจะอยู่รอด”

เศรษฐกิจ-การเมืองฉุดคอนโดหรูแผ่วคนรวยเบรกซื้อดันตลาด3-5ลบ.โต

โฟกัสที่ทำเล - เปิดตัวอย่างมีกลยุทธ์

ในปี 2568 แสนสิริยังคงเดินหน้าเปิดตัวคอนโด 15 โครงการใหม่ทั่วประเทศ โดยเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมกระจายความเสี่ยงด้วยโครงการขนาดกลาง ไม่เน้นตึกใหญ่หลายอาคารเนื่องจากพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด การเลือกซื้อคอนโดตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “แบรนด์” หรือ “โปรโมชั่น” แต่เป็นเรื่องของ “ความคุ้มค่า” และ “ความอยู่ได้จริง” มากกว่าเดิม

  แม้ตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากอดีต แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือ “ความต้องการที่อยู่อาศัย”แสนสิริมองเห็นโอกาสในจุดที่หลายคนมองเป็นวิกฤติ และปรับตัวด้วยความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่คอนโดหรูต้องหยุดรอดู ทว่าตลาด “อยู่จริง ใช้จริง” กลับเติบโตแบบเงียบ ๆ อย่างมั่นคง

“ปัจจุบันการขายคอนโดที่เปิดใหม่อาจจะยากกว่าคอนโดพร้อมอยู่ เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนซื้อปล่อยเช่าลดลง ไม่นับรวมกลุ่มที่ซื้อเก็งกำไรที่หายไปแล้ว ขณะที่คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยลดลง เพราะจะซื้อก็ต่อเมื่อต้องการใช้เท่านั้น”