แสนสิริพลิกภูเก็ตฮับอสังหาเจาะดีมานด์‘อีลิทไทย-เวลธ์ทั่วโลก’

เปิดโรดแมป‘แสนสิริ’พลิกภูเก็ตจากที่พักร้อนสู่ฮับอสังหาเจาะดีมานด์ใหม่จาก‘อีลิทไทย-เวลธ์ทั่วโลก’ ลงทุน 3.3หมื่นล้านผุด29 โครงการใน 5 ปีดันภูเก็ตElite Destination
หากพูดถึง “ภูเก็ต” ในสายตาชาวโลก ภาพจำในอดีตอาจเป็นเพียงเมืองท่องเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยธรรมชาติและชายหาดสวยระดับโลก แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยว การค้า การลงทุนอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่ภูเก็ตทั้งสิ้น และในมุมมองของแสนสิริ “ภูเก็ต” กำลังเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว สู่ The World’s Elite Destination ที่ผสานทั้งไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัย และการลงทุนไว้ในเมืองเดียวอย่างลงตัว
ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ มองเห็นศักยภาพภูเก็ตในฐานะเมืองที่ไม่ได้แค่รับนักท่องเที่ยว แต่สามารถเป็นเมืองที่ “คนเลือกมาอยู่อาศัย” หรือมาลงทุนได้จริง! โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งทั้งไทยและต่างชาติ
ภายใต้แผนลงทุนระยะ 5 ปี (2568-2572) แสนสิริ เตรียมเปิด 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 33,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 13 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มซัพพลาย แต่คือการ “วางรากฐาน” ให้ภูเก็ตเป็นสนามลงทุนในระดับนานาชาติ ด้วยการจับกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในไทย (Expat) ระยะยาว นักลงทุนต่างชาติจากประเทศใหม่ๆ เช่น อิสราเอล รัสเซีย อินเดีย รวมถึงกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มองหาสังคมเปิดกว้างและปลอดภัย
Demand ใหม่ = โอกาสใหม่
หนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตคือ “หน้าใหม่” ของผู้ซื้อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดย ดีมานด์ต่างชาติเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนพฤติกรรม อย่างชัดเจน นักลงทุนจากตลาดใหม่ เช่น กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย อิสราเอล อินเดีย กลุ่มอดีตผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์ที่ต้องการคุณภาพชีวิตระดับโลกแต่เข้าถึงได้ กลุ่ม LGBTQIAN+ ที่ได้รับแรงจูงใจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทย
“ความชัดเจนด้านกฎหมาย ทั้งกรรมสิทธิ์ของต่างชาติและสิทธิเสมอภาค เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภูเก็ตเป็นมากกว่าเมืองตากอากาศ แต่กลายเป็นทางเลือกสำหรับการใช้ชีวิตและวางแผนระยะยาว”
เกมของ “แบรนด์ที่ไว้ใจได้”
ในภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตมีการแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกขณะ ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย แต่สิ่งที่กำหนดชัยชนะคือ “ความน่าเชื่อถือ” และ “บริการหลังการขาย” ที่ครบวงจร แสนสิริจึงไม่เน้นแค่ขายบ้าน แต่สร้างระบบนิเวศของการใช้ชีวิต ตั้งแต่ ฟังก์ชันบ้าน ระบบบริการ Plus Concierge จาก “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” การดูแลโครงการในระยะยาว การเชื่อมโยงกับบริการสุขภาพ การศึกษา และไลฟ์สไตล์
“ลูกค้าชาวต่างชาติกลุ่มมั่งคั่ง (Wealth) ทั่วโลก มองหามากกว่าคอนโดมิเนียมหรู คือ ต้องการโซลูชันแบบ one stop ที่ตอบโจทย์ชีวิต พวกเขาให้ความสำคัญกับการบริการไม่แพ้ทำเล”
สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมและขยายความต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 โซนชัดเจน ได้แก่ โซนในเมือง คือ เรียลดีมานด์ คนไทยประมาณ 60% ต่างชาติ 40% เน้นไลฟ์สไตล์สะดวก ใกล้แหล่งงานและสาธารณูปโภค และ โซนรอบเมือง (เชิงทะเล-ลากูน่า) คือ ชาวต่างชาติพำนักระยะยาว 70-80% ซึ่งนักลงทุนครองสัดส่วนถึง 80% เหมาะสำหรับบ้านพักตากอากาศหรือปล่อยเช่า พลัสฯ จึงออกแบบบริการเฉพาะในแต่ละโซน เช่น บริการรับ-ส่งสนามบิน การดูแลอสังหาริมทรัพย์ การปล่อยเช่า การจัดการเอกสารคนเข้าเมือง
ปั้นจุดแข็ง 16 ปี วางรากฐานคอมมูนิตี้
“แสนสิริ” ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในภูเก็ต! ปัจจุบันมีสำนักงานภูมิภาคประจำ และพัฒนาโครงการแล้วกว่า 28 โครงการ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต” บ้านเดี่ยวแนวโมเดิร์นบนทำเลเงียบสงบเกาะแก้ว พร้อมขยายตลาดแนวราบที่ยังมีช่องว่างการเติบโต
โดยสิ่งที่แสนสิริและพลัสฯ เน้นย้ำไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยคุณภาพ แต่รวมถึง “การสร้างชุมชน” ที่มีชีวิต การอบรมพนักงานภายใต้สถาบัน Plus Eduplex กิจกรรม Community เช่น กิจกรรมตามเทศกาล สร้างความยั่งยืน กิจกรรมเก็บขยะ หรือรีไซเคิล
“เราไม่ได้ขายบ้าน แต่เราสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และสร้างเมืองที่น่าอยู่ไปด้วยกัน”
การขับเคลื่อนของแสนสิริในภูเก็ตไม่ใช่การตามเทรนด์ แต่เป็นการสร้างเทรนด์ ที่สะท้อนถึงความเข้าใจในโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และไลฟ์สไตล์อย่างลึกซึ้ง ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่วางรากฐานไว้แล้วล่วงหน้า
การลงทุนต่อเนื่อง 33,000 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า ตอกย้ำว่า “ภูเก็ต” จะไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศ มาพักร้อนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเมืองลงทุนระดับโลก! ของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจทุกๆ แขนง รองรับดีมานด์ที่หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศทั่วโลก







