ปิดฉากหมู่บ้านชวนชื่น! 'มั่นคง'พลิกโมเดลสู่นิคมอุตสาหกรรม

มั่นคงเคหะการ พลิกเกมอสังหาริมทรัพย์ ยุติพัฒนาธุรกิจบ้านแนวราบ ปักหมุดลงทุน 6.5 พันล้าน ผุดนิคมบางปะกงสู่ขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม สร้างรายได้ประจำ ปิดฉากหมู่บ้านชวนชื่น
หลังจากโลดแล่นในสนามอสังหาริมทรัพย์แนวราบมายาวนานกว่า 60 ปี “มั่นคงเคหะการ” (MK) กำลังพลิกบทบาทครั้งสำคัญ สู่กลยุทธ์ที่น่าจับตา ยุติการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบใหม่ทั้งหมด พร้อมปักหมุดทิศทางธุรกิจใหม่ มุ่งหน้าสู่ “นิคมอุตสาหกรรม” เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงของตลาด และความท้าทายรอบด้าน
การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ แต่คือ การเปลี่ยน “แก่น” ของธุรกิจ นำโดย วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MK ที่ประกาศชัดว่า ปี 2568 คือ จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างขององค์กร โดยบริษัทในเครือ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) ได้รับบทเป็นหัวหอกในการลงทุนโครงการใหญ่ “นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง” บนพื้นที่ 1,000 ไร่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งมอบพื้นที่ล็อตแรกภายในปี 2570 รองรับอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ที่ยังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขายทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน 3,350 ล้านบาท เข้าสู่กอง REIT ภายใต้ชื่อ PROSPECT REIT ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกเสริมความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอในระยะยาว
ถอยอย่างมีแผน สู่การรุกอย่างมั่นคง
การ “ยุติ” ธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น” ที่ MK เคยเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่าย แต่จำเป็น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบที่ถาโถมอย่างต่อเนื่อง ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูง ต้นทุนก่อสร้างที่พุ่ง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัย
แทนที่จะดึงดันเดินหน้ากับธุรกิจที่มีความเสี่ยง บริษัทเลือก “ลดการพึ่งพา” รายได้ที่ไม่แน่นอน และหันไปโฟกัสกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ประจำ แต่ยังให้ผลตอบแทน และโอกาสเติบโตในระยะยาว
แม้จะหยุดพัฒนาโครงการใหม่ แต่ MK ยังมีบ้านแนวราบในมืออีก 800 ยูนิต มูลค่ารวมราว 2,900 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และรอการขาย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าระบายให้หมดภายใน 2-3 ปี พร้อมทั้งมีที่ดินรอขายอีกหนึ่งแปลง มูลค่าราว 400 ล้านบาท
PD คือ เรือธงสร้างรายได้หลัก เติบโตสู่ New S-Curve
การขยับบทบาทของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ให้เป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลักของกลุ่ม MK เริ่มเห็นผลชัดเจนในปีที่ผ่านมา ซึ่ง PD มีสัดส่วนรายได้ถึง 47% ของรายได้รวม และทำกำไรขั้นต้นคิดเป็น 54% ของทั้งกลุ่ม
PD ยังเป็นผู้นำตลาดคลังสินค้า และโรงงานให้เช่าในเขต Free Zone ของไทย และจากนี้เตรียมก้าวต่อไปในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นเสาหลักใหม่ที่สร้าง New S-Curve ให้กลุ่ม MK ในยุคที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายชะลอตัว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







