เฟรเซอร์สปั้นอาณาจักรคลังสินค้า รับดีมานด์ย้ายฐานผลิตอาเซียน

“เฟรเซอร์สฯ” ปรับกลยุทธ์ฝ่าแรงเสียดทานโลก ปั้นอาณาจักรคลังสินค้ารับดีมานด์ย้ายฐานผลิตในอาเซียน ตั้งเป้ารายได้กว่า 4,000 ล้าน
พีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า ท่ามกลางควาามท้าทายจากภาษีการค้าระหว่างประเทศที่กระทบภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์โดยตรง แต่เชื่อมั่นว่าภูมิภาคอาเซียนยังเป็นจุดหมายที่น่าสนใจของนักลงทุน ด้วยปัจจัยความเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์ และความพร้อมด้านแรงงานที่สนับสนุนภาคการผลิตและการบริโภคภายในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นประโยชน์จากการย้ายการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากสงครามการค้า
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯมุ่งเน้นการบริหารจัดการอย่างยืดหยุ่นและระมัดระวัง โดยตั้งเป้าปี 2568 (ต.ค.2567-ก.ย.2568)ว่าจะสามารถสร้างรายได้กว่า 4,000 ล้านบาทหรือเติบโต 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ปัจจุบันบริษัท มีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารจัดการกว่า 3.77 ล้านตร.ม. อยู่ในไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมีแลนด์แบงก์พร้อมในการพัฒนาสินค้าที่หลากหลาย รองรับดีมานด์ทุกรูปแบบของลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็น"จุดเด่นและข้อได้เปรียบ"เมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นในตลาด ไม่ว่าลูกค้าจะย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย หรือต้องการขยายการลงทุนต่อเนื่องไปยังอินโดนีเซียหรือเวียดนาม บริษัทฯพร้อมเป็นกองหนุนที่ร่วมผลักดันการเติบโตทางธุรกิจไปในทุกสเต็ปของลูกค้า
สำหรับ 3 กลยุทธ์ รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดอสังหาฯ อุตสาหกรรมในอาเซียนของเฟรเซอร์ฯ ประกอบด้วย 1. รักษาแกนหลักด้วยความยืดหยุ่น Sustaining Value ภายใต้การบริหารพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ากว่า 3.77 ล้าน ตร.ม. ใน 3 ประเทศหลักของอาเซียน FPT เลือกใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตโฟลิโออย่างยืดหยุ่น ปรับสัญญาเช่าทั้งระยะสั้น-ยาวให้เหมาะกับความต้องการลูกค้า พร้อมออกแบบอาคารให้ใช้สลับได้ทั้งคลังสินค้าและโรงงานในยูนิตเดียว
จุดแข็งด้าน Customer Centric และการดูแลใกล้ชิด ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจลูกค้าพุ่งถึง 91% ในปีที่ผ่านมา
2. ปั้นพอร์ตใหม่บนมาตรฐานโลก Creating ValueFPT ไม่ได้แค่สร้างอาคาร...แต่ “สร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรม” ด้วยมาตรฐาน Frasers Property ทั้งในรูปแบบ Ready-Built, Built-to-Suit, Built-to-Function โดยเฉพาะโครงการ ARAYA – The Eastern Gateway ที่จะเป็นเมืองนวัตกรรมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในภาคตะวันออก
นอกจากนี้ ยังเร่งขับเคลื่อนทุกอาคารเข้าสู่ “มาตรฐานอาคารเขียว” เช่น LEED, EDGE, TREES พร้อมเป้าหมายปี 2573 ที่ 100% ของอาคารใหม่ และ 85% ของสินทรัพย์ทั้งหมดต้องผ่านการรับรองความยั่งยืน
3. ปลดล็อกมูลค่า ทวีคูณกำไร Unlocking Value การสร้างมูลค่าไม่ได้หยุดแค่พัฒนาอาคารใหม่ แต่ FPT ยังใช้กลยุทธ์การขายสินทรัพย์ให้กองทรัสต์ FTREIT การบริหารแลนด์แบงก์เชิงกลยุทธ์ และการเพิ่มมูลค่าพื้นที่เดิมด้วยโซลาร์รูฟท็อปและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น Smart Meter หรือแอป FTX ที่เชื่อมโยงการบริการกับผู้เช่าได้แบบเรียลไทม์ แนวคิด Smart & Sustainable Logistics Park ถูกนำมาขยายให้ครอบคลุมทุกการพัฒนา เพื่อยกระดับการให้บริการสู่ระดับสากล
ด้วยเครือข่ายใน 3 ประเทศอุตสาหกรรมหลักของอาเซียน (ไทย-อินโดนีเซีย-เวียดนาม) และความเข้าใจดีมานด์นักลงทุนในระดับภูมิภาค FPT เชื่อมั่นว่าโมเดล “Secure Core, Embrace Future” จะทำให้บริษัทไม่เพียงเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์พาร์คในไทย แต่จะเป็นหนึ่งในหัวเรือใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต