คลังสินค้าบูมซัพพลายปี68 เพิ่ม 1.5 แสนตร.ม. กรุงเทพฯ ชลบุรี โซนฮอต

คลังสินค้าบูมซัพพลายปี68 เพิ่ม 1.5 แสนตร.ม. กรุงเทพฯ ชลบุรี โซนฮอต

คลังสินค้าบูมซัพพลายปี 68 เพิ่ม 1.5 แสนตร.ม. กรุงเทพฯ ชลบุรี โซนฮอตรับดีมานด์อีคอมเมิร์ซการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น

ห้วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดคลังสินค้าประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง 2567 สะท้อนถึงโอกาสที่สดใส โดยคาดว่าซัพพลายพื้นที่คลังสินค้าจะเพิ่มขึ้นถึง 150,686 ตารางเมตรในปี 2568 ทำเลหลักกรุงเทพฯ และชลบุรี

มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านพื้นที่โลจิสติกส์และอุตสาหกรรม บริษัท ไนท์ แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของตลาดคลังสินค้าในประเทศไทยในปัจจุบันเกิดจากหลายปัจจัย ในครึ่งปีหลัง 2567 พื้นที่คลังสินค้าที่ถูกเช่าไปแล้วสูงถึง 5.56 ล้านตารางเมตร คิดเป็นอัตราการเช่าเฉลี่ย 86.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.9%  ถือเป็นสัญญาณที่ดีของความต้องการที่ยังคงสูงในตลาด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีอัตราการเช่าสูงสุดที่ 91.1%
 

ด้านการขยายตัวของพื้นที่คลังสินค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568 ความต้องการที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุปโภคบริโภค จะส่งผลให้มีการพัฒนาอุปทานใหม่โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)  ซึ่งจะมีสัดส่วนของการเติบโตถึง 72% หรือประมาณ 108,493 ตารางเมตร โดยพื้นที่ที่ได้รับความสนใจสูงที่สุดยังคงเป็นกรุงเทพฯ และชลบุรี เนื่องจากทั้ง 2 ทำเลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญและมีระบบโลจิสติกส์

 อีคอมเมิร์ซ ขับเคลื่อนการเติบโต

ตลาดคลังสินค้าไม่ได้เติบโตเพียงแค่จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ “อีคอมเมิร์ซ” และการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ในอนาคต จะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่รองรับระบบอัตโนมัติและคลังสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้าและขนส่งสินค้า
 

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเภสัชกรรมที่ต้องการคลังสินค้าห้องเย็น (Cold Storage) อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บสินค้าที่มีอุณหภูมิและความชื้นที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตสุขภาพโลก ทำให้การขนส่งสินค้าในกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น

แม้ว่าค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้าทั่วประเทศไทยจะยังคงทรงตัวตั้งแต่ปี 2562 แต่การปรับขึ้นของค่าเช่าในบางทำเลที่มีความต้องการสูงยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน ในปี 2567 ค่าเช่าคลังก็ยังคงที่ แต่ในบางพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯและภาคตะวันออก ค่าเช่ากลับเริ่มปรับขึ้นเล็กน้อย ตามการเติบโตของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมใหม่

พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีความต้องการที่สูงสุด จะมีค่าเช่าพุ่งขึ้นไปที่ 230 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่ภาคตะวันออก จะมีค่าเช่าสูงสุดที่ 200 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่ค่าเช่าในภาคกลางจะปรับตัวขึ้นเป็น 152 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่รองต่างๆ ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น

 แนวโน้มคลังสินค้ายังสดใส

การเติบโตของตลาดคลังสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการลงทุนในพื้นที่นี้ยังคงมีความน่าสนใจ และหากมองไปข้างหน้าในปี 2568 จะเห็นได้ว่าความต้องการคลังสินค้าที่รองรับเทคโนโลยีอัตโนมัติและการจัดการที่มีประสิทธิภาพจะมีอิทธิพลมากขึ้น รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารและเภสัชกรรมที่ต้องการพื้นที่คลังสินค้าห้องเย็น

“การเพิ่มขึ้นของค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้าบ่งชี้ถึงการเติบโตที่ยังคงแข็งแกร่งในตลาดนี้ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และชลบุรี ถือเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ”