เอฟเฟกต์! สงครามราคา - รักษาสภาพคล่อง 38 อสังหาฯ กำไรปี 67 ลดลง 27.16%

เอฟเฟกต์! สงครามราคา - รักษาสภาพคล่อง ส่งผลให้ 38 อสังหาฯ กำไรในปี 67 ลดลง 27.16% จากปีก่อน ศุภาลัยกำไรสูงสุด 6,189 ล้านกำไรขั้นต้น 19% ตามแลนด์แอนด์เฮ้าส์ แสนสิริ
ปี 2567 เป็นปีที่ท้าทายสำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากผลประกอบการของ 38 บริษัทอสังหาฯ แสดงให้เห็นถึงการ "หดตัว" ของกำไรอย่างชัดเจน โดยรายได้รวมของทั้ง 38 บริษัท อยู่ที่ 313,634.18 ล้านบาท "ลดลง" 4% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 326,722.43 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 27,426.12 ล้านบาท ลดลงถึง 27.16% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 37,653.10 ล้านบาท
กำไรลดลง…แต่รายได้ไม่ตกหนัก
ถ้าดูจากผลลัพธ์เชิงลึกจะพบว่า แม้รายได้รวมของหลายบริษัทจะลดลงเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ กำไรสุทธิที่ "ลดลง" อย่างรุนแรง! การที่กำไรลดลงถึง 27.16% เมื่อเทียบกับปีก่อนสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากที่บริษัทต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น หรือการที่กลยุทธ์ทางการตลาดไม่ได้สร้างกำไรตามที่คาดหวัง
ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “ในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัว บริษัทอสังหาฯ ต้องหันมาปรับกลยุทธ์การตลาดอย่างเร่งด่วน โดยมักใช้กลยุทธ์ด้านราคามากขึ้นเพื่อล่อใจลูกค้า แม้ว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้บ้าง แต่กำไรกลับลดลงตามมา เนื่องจากการปรับราคาลดลงและการใช้โปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า”
การปรับกลยุทธ์ และบริหารสภาพคล่อง
บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยเฉพาะการบริหาร "สภาพคล่อง" ทางการเงินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์การใช้โปรโมชัน และราคาถือเป็นเครื่องมือหลักในการดึงดูดลูกค้า แต่ก็ต้องแลกมากับการ "ลดลง" ของอัตรากำไร เพราะการขายราคาถูกในบางครั้งทำให้กำไรเฉลี่ยของบริษัทในกลุ่มอสังหาฯ อยู่ที่ 8.74% ในปี 2567 ลดลงจาก 11.52% ในปีก่อนหน้า
สินค้าคงเหลือ และการพัฒนาเพิ่มขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ สินค้าคงเหลือ และสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 38 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 7.50% เป็นมูลค่า 716,560.50 ล้านบาท จาก 666,526.73 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 โดยบริษัท แสนสิริ ถือเป็นบริษัทที่มีสินค้าคงเหลือ และสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากที่สุดที่ 101,582.28 ล้านบาท
อสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาด
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 10 แห่งที่มีรายได้สูงสุดในปี 2567 ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 75.56% โดยบริษัทที่มีรายได้สูงสุดคือ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ด้วยมูลค่ารายได้ 39,204.56 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) มีอัตรากำไรสูงสุดที่ 6,189.53 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของบรรดาผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
โอกาส และความท้าทาย
แม้จะมีการลดลงของกำไร แต่ก็ยังมีโอกาสในตลาดอสังหาฯ ที่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ หากมีการปรับกลยุทธ์อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าคงเหลือ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
ทว่า การเพิ่มแคมเปญทางการตลาดอาจ "ไม่ใช่" คำตอบในระยะยาว หากไม่สามารถรักษาอัตรากำไรให้ดีขึ้น บริษัทอสังหาฯ ต้องหาวิธีการที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในการบริหารต้นทุน และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
"อสังหาฯ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับความท้าทายในอนาคต พร้อมปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







