ลลิล‘ตั้งการ์ดสูง’รับเศรษฐกิจห้วงอันตราย! แนะรักษาสภาพคล่อง กำเงินสด

ลลิล‘ตั้งการ์ดสูง’รับเศรษฐกิจห้วงอันตราย! แนะรักษาสภาพคล่อง กำเงินสด

ในวันที่โลกธุรกิจมีความไม่แน่นอนสูงจากปัจจัยลบภายในและนอกประเทศ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ การเมือง สงครามการค้า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นความท้าทายลลิล‘ตั้งการ์ดสูง’รับเศรษฐกิจห้วงอันตราย!

ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตจาก 2.7% เป็น 2.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 40 ล้านคน การเพิ่มขึ้นของการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัวมีการลงทุนใหม่ ๆ และอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดลง

ขณะเดียวกัน ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้า (Trade War) ที่กลับมารุนแรง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ความเสี่ยงจากแนวโน้มการขยายตัวต่ำกว่าคาดของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แนวโน้มการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจจีน ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งต้องจับตามมองอย่างใกล้ชิดพร้อมปรับตัวเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 

ลลิล‘ตั้งการ์ดสูง’รับเศรษฐกิจห้วงอันตราย! แนะรักษาสภาพคล่อง กำเงินสด

ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาการส่งออก 65% ของจีดีพี เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐและจีนไม่ดีย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศไทย ส่วนท่องเที่ยว มีสัดส่วน 12% ของจีดีพี แม้ว่าจะมีแนวโน้มดีแต่มีสัดส่วนที่น้อยจึงอยากที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี2567 ภาพรวมติดลบ 35% แนวราบติดลบ 20% ถือว่าถึงจุดต่ำสุดแล้ว หวังว่าปีนี้จะดีขึ้น แน่นอนว่าการแข่งขันในตลาดรุนแรงดุเดือดขึ้น"

จากแนวโน้มดังกล่าว ปี 2568 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท ทำเลกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพัทยา  ตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 4,050 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งแรกปีจะเปิด 4 โครงการใหม่ ในพื้นที่เดิมที่มีอยู่แล้ว และในทำเลที่ดินเก่า ทำให้ปีนี้ใช้เงินเพียง 500-800 ล้านบาทในการซื้อที่ดิน เพราะที่ดินในการพัฒนา 80% เป็นที่ดินเก่า หากสถานการณ์ไม่ดี พร้อมเบรก! เหมือนปี 2567
 

"แนวทางการดำเนินงานในปี 2568 ท่ามกลางความเสี่ยงที่ยังมีอยู่ บริษัทจะเน้นการรักษาสภาพคล่องและมีกระแสเงินสดไว้ในมือให้มากพร้อมทั้งลดค่าใช้จ่าย ทำให้การเปิดโครงการในปีนี้เป็นการนำที่ดินในมือของบริษัทที่มีอยู่ นำมาพัฒนาเป็นโครงการใหม่ ทำให้บริษัทสามารถสร้าง Cash in-flow เข้ามากกว่า Cash out-flow"

ไชยยันต์ ยังระบุว่า สภาพเศรษฐกิจปี 2568-2569 มีความเสี่ยงสูง! ลลิล จึงต้อง “ตั้งการ์ดสูง” พร้อมเฝ้าระวังปัจจัยต่างๆ ที่จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูงขึ้น แม้บริษัทจะเคยต้องหยุดการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 6 โครงการในปี 2567 ที่ผ่านมา จากปัญหาการ “รีเจกต์เรต” หรือการกู้ไม่ผ่านของลูกค้าทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า แต่ปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการในครึ่งแรกปี เพื่อทดสอบสถานการณ์ หากสถานการณ์ไม่ดีพร้อมที่จะหยุดเหมือนที่ทำในปี 2567

"ทิศทางเศรษฐกิจปีนี้ต่อเนื่องปีหน้าอันตรายมาก ฉะนั้นต้องตั้งการ์ดสูง ดูกระแสและกระสุนให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนทำอะไร เพื่อรักษาตัวให้อยู่รอดท่ามกลางความไม่แน่นอน ทั้งจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ที่เข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยเปราะบางมาก "

ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ซื้อ (Real Demand) ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น การมีพื้นที่ Work from Home พื้นที่สีเขียว และบ้านแนวคิด Green Living Standard 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ยิ่งขึ้นด้วย Lifestyle & Experience Marketing และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า โดยได้นำ Digital Marketing, Brand Collaboration, CRM และ Big Data ใช้เป็นแนวทางและองค์ประกอบสำคัญเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ เข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

"ปีนี้ มุ่งปรับองค์กรให้เป็น Agile Organization ผ่านกระบวนการ Digital Transformation นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว"