พิษเศรษฐกิจ-การเมือง ฉุด‘รับสร้างบ้าน’ปี68 ไม่โต!

พิษเศรษฐกิจ-การเมือง ฉุด‘รับสร้างบ้าน’ปี 68 ไม่โต!หลังจากปี 2567 ที่เผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งส่งผลให้ตลาดหดตัวลงถึง 15% เหลือมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท จาก 12,000 ล้านบาท โดยเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านขนาดกลางและเล็ก
KEY
POINTS
- ในปี 2568 ตลาดรับสร้างบ้านยังคง “ทรงตัว” ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่เผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง
- ส่งผลให้ตลาดหดตัวลงถึง 15% เหลือมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท จาก 12,000 ล้านบาท
- โดยเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านขนาดกลางและเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นมากของสถาบันการเงิน
อนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดในปี 2568 พบว่า การฟื้นตัวของตลาดรับสร้างบ้านระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทนั้นยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นอาจทำให้กำลังซื้อในตลาดนี้ "ลดลง” นอกจากนี้ ตลาดบ้านในช่วงราคากลาง หรือ 5-10 ล้านบาท ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน
ขณะที่ตลาดบ้านราคา 10-20 ล้านบาท คาดว่าจะมีการชะลอตัวเล็กน้อย แม้ลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง เช่น เจ้าของกิจการ หรือบรรดาผู้บริหารระดับสูง แต่อาจตัดสินใจ “ชะลอ” การสร้างบ้าน จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
ในทางกลับกัน ตลาดบ้านราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงมีความต้องการสูง เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากธนาคาร แม้เศรษฐกิจและการเมืองอาจมีผลกระทบบ้าง แต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการในตลาดบ้านหรูได้
ส่วนตลาดต่างจังหวัดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เช่น เจ้าของโรงงาน หรือ เจ้าของสวนทุเรียน ที่อาจชะลอการตัดสินใจจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน แต่ก็ยังมีความต้องการบ้านในระดับราคาต่างๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีบริษัทรับสร้างบ้านจำนวนมาก เช่น อุดรธานี
ในปี 2568 สมาคมฯ จึงมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น โดยมีแผนการจัดงานโรดโชว์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อกระตุ้นการซื้อขายบ้านในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าจะทำให้ตลาดยังคงรักษามูลค่าได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ในส่วนของมาตรการภาษีที่รัฐบาลได้ออกมาเพื่อกระตุ้นการสร้างบ้านนั้น ไม่มีผลกระตุ้นตลาดได้มากนัก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งกำลังซื้อในกลุ่มนี้ลดลงอย่างชัดเจน
“ธุรกิจรับสร้างบ้านเราทนได้ทุกสภาวะ เพราะปรับตัวเก่ง หากงานน้อยลง เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพ และตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า”
อนันต์กร กล่าวต่อว่า แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เชื่อว่าธุรกิจรับสร้างบ้านมีความอึด! และสามารถปรับตัวได้เสมอ
“การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และการพัฒนาคุณภาพของบ้านและบริการจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษายอดขายไว้”
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 การแข่งขันในตลาดจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ามีกำลังซื้อจำกัดและมักให้ความสำคัญกับราคามากที่สุด ทำให้เกิด “สงครามราคา” ที่อาจลดกำไรลงได้ นอกจากนี้ในตลาดบ้านราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท การแข่งขันจะเน้นไปที่คุณภาพของบ้านและบริการที่ครบครัน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูงที่ยังคงมีกำลังซื้ออยู่
แม้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2568 จะยังคงอยู่ในช่วงของการ “ทรงตัว” จากความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่ด้วยการปรับตัวและการมองหาช่องทางใหม่ๆ เช่น การขยายตลาดในต่างจังหวัดและการเพิ่มคุณภาพของบริการ ตลาดนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในตลาดบ้านหรูจะเป็นทางรอดให้กับธุรกิจรับสร้างบ้าน