"บางเทา-หาดสุรินทร์" ขึ้นแท่นทำเลขายดี-เหลือขายมากสุด

"บางเทา-หาดสุรินทร์" ขึ้นแท่นทำเลขายดี-เหลือขายมากสุด

อสังหาฯภาคใต้บูมรับท่องเที่ยวฟื้น‘ภูเก็ต’เปิดใหม่พุ่ง1,087% มูลค่า 4.8หมื่นล้าน "บางเทา-หาดสุรินทร์" ขึ้นแท่นทำเลขายดีสุด-เหลือขายมากสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ส่งสัญญาณเตือนระวังซัพพลายล้น คาดการณ์หน่วยเปิดใหม่ภาคใต้ปี2567 ทะลุ 6.9 หมื่นล้านดันเหลือขายแสนล้าน

KEY

POINTS

  • การฟื้นตัวของท่องเที่ยวส่งผลให้อสังหาฯภาคใต้โตก้าวกระโดด
  • ภูเก็ตฟื้นแรงผู้ประกอบการแห่เปิดตัวโครงการใหม่1,087% 
  • ทำเลบางเทา-หาดสุรินทร์ ขึ้นแท่นขายดี-เหลือขายมากสุด

อสังหาฯภาคใต้บูมรับท่องเที่ยวฟื้น‘ภูเก็ต’เปิดใหม่พุ่ง1,087% มูลค่า 4.8หมื่นล้าน "บางเทา-หาดสุรินทร์" ขึ้นแท่นทำเลขายดีสุด-เหลือขายมากสุดศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ส่งสัญญาณเตือนระวังซัพพลายล้น คาดการณ์หน่วยเปิดใหม่ภาคใต้ปี2567 ทะลุ 6.9 หมื่นล้านดันเหลือขายแสนล้าน

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ครึ่งหลังปี 2566 พบว่า จำนวนอุปทานพร้อมขายจำนวน 23,026 หน่วย มูลค่า 134,016 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 11,136 หน่วย มูลค่า 79,648 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 11,890 หน่วย มูลค่า 54,368 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 7,086 หน่วย มูลค่า 56,155 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่จำนวน 6,332 หน่วย มูลค่า 36,004 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 16,694 หน่วย มูลค่า 98,012 ล้านบาท

โดยจังหวัดภูเก็ตมีการเสนอขายถึง 12,869 หน่วย มูลค่า 91,519 ล้านบาท แต่จังหวัดภูเก็ตมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด โดยมีการเปิดตัวทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 5,913 หน่วย มูลค่า 48,554 ล้านบาท ของหน่วยที่เปิดขายใหม่มากกว่าจังหวัดอื่น เป็นหน่วยบ้านจัดสรร 342 หน่วย มูลค่า 1,780 ล้านบาท และอาคารชุด 5,571 หน่วย มูลค่า 46,774 ล้านบาท

สำหรับจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่รวมสูงสุด 4,364 หน่วย มูลค่า 28,336 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับที่ร้อยละ 5.7 ต่อเดือน รองลงมาเป็นจังหวัดสงขลา 1,018 หน่วย มูลค่า 3,755 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับที่ 3.3% ต่อเดือน ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขายได้ใหม่รวม 652 หน่วย มูลค่า 2,723 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับที่ 3.2 %ต่อเดือน และ นครศรีธรรมราช ขายได้ใหม่รวม 298 หน่วย มูลค่า 1,189 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับที่ 3.2% ต่อเดือน

อุปทานโดยรวมของภาคใต้ 4 จังหวัด ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมด จำนวน 23,026 หน่วย มูลค่า 134,016 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน38.7 %และมูลค่าเพิ่มขึ้น 83% ตามลำดับ โดยเป็นโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนเพียง 7,086 หน่วย มูลค่า 56,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 269.3% และ 571.6% ตามลำดับ ขณะที่ที่อยู่อาศัยเหลือขาย ณ ครึ่งหลังปี  2566 จำนวน16,694 หน่วย มูลค่า 98,012 ล้านบาท  จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 25.1 %และมูลค่าเพิ่มขึ้น 61.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุด

อันดับ 1 ทำเลหาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 2,567 หน่วย มูลค่า 27,999 ล้านบาท

อันดับ 2 ทำเลเทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 1,560 หน่วย มูลค่า 9,633 ล้านบาท

อันดับ 3 ทำเลประดู่-บางชุมโถ จำนวน 952 หน่วย มูลค่า 3,487 ล้านบาท

อันดับ 4 ทำเลท่าข้าม-ควนหิน จำนวน 911 หน่วย มูลค่า 3,919 ล้านบาท

อันดับ 5 ทำเลเกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 813 หน่วย มูลค่า 6,583 ล้านบาท โดยระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 3-5ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,338 หน่วย มูลค่า 22,627 ล้านบาท

อุปสงค์โดยรวมของภาคใต้ 4 จังหวัด  พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 6,332 หน่วย มูลค่า 36,004 ล้านบาท  แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 2,150 หน่วย มูลค่า 9,585 ล้านบาท และอาคารชุด 4,182 หน่วย มูลค่า 26,418 ล้านบาท

ทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรก

อันดับ 1 หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 1,544 หน่วย มูลค่า 14,843 ล้านบาท

อันดับ 2 เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร  จำนวน 608 หน่วย มูลค่า 3,238 ล้านบาท

อันดับ 3 ตลาดใหญ่-ตลาดเหนือ จำนวน 573 หน่วย มูลค่า 1,625 ล้านบาท

อันดับ 4 ในเมืองกระทู้ จำนวน 506 หน่วย มูลค่า 1,404 ล้านบาท

อันดับ 5 หาดกมลา จำนวน 207 หน่วย มูลค่า 1,088 ล้านบาท

 นายวิชัย  กล่าวว่า ภาพรวมจังหวัดภูเก็ตในครึ่งหลังปี 2566 มีที่อยู่อาศัยเสนอขายรวมทั้งสิ้น 12,869 หน่วย มูลค่า 91,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.5 และ เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.9 โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 3,020 หน่วย มูลค่า 15,817 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 9,849 หน่วย มูลค่า 75,701 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 5,913 หน่วย เพิ่มขึ้น 1,087% มูลค่า 48,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,361% ส่วนจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 4,364 หน่วย เพิ่มขึ้น 186.9% มูลค่า 28,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น342% และจำนวนหน่วยเหลือขาย 8,505 หน่วย เพิ่มขึ้น 48.5 %มูลค่า 63,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 

คาดการณ์ ปี 2567 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 7,071 หน่วย มูลค่า 53,293 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 6,037 หน่วย มูลค่า 35,651 ล้านบาท  มีหน่วยเหลือขาย 9,539 หน่วย มูลค่า 71,857 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมของอสังหาฯภาคใต้ คาดการณ์ว่า ปี 2567 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 10,586 หน่วย มูลค่า 69,253 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 9,187 หน่วย มูลค่า 47,865 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 18,092 หน่วย มูลค่า 107,906 ล้านบาท

“ภาพรวมของอสังหาฯในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ฟื้นตัวจากธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังจำเป็นในการพิจารณารายละเอียดของแต่ละพื้นที่ก่อนเติมอุปทานโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อไม่ให้เกิดอุปทานที่มากเกินไปในบางพื้นที่โดยเฉพาะภูเก็ต”