จับตา 10 เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ในปี 2567

จับตา 10 เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ในปี 2567

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและรวดเร็ว ยิ่งเราอยู่ในโลก AI จะยิ่งเห็นอะไรสนุกๆ แต่ก็ท้าทายผู้ประกอบการอย่างมาก คอลัมน์ คมคิดธุรกิจอสังหาฯ โดย 'ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ' นำเสนอ 10 เทรนด์อสังหาฯ ปี 2567 และอนาคตข้างหน้า

1. Digitalization การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจและการให้บริการทางธุรกิจ (Business Model and Approach) เพื่อเข้าสู่การทำงานแบบ Digital อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงานภายใน วัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า

ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันตามยุคสมัย เพื่อตอบสนองการให้บริการและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งถ้าไม่ปรับเปลี่ยนก็จะอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีนี้ ที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้ามองในแง่มุมของการทำงาน ก็จะทำงานได้เร็วขึ้น แม่นยำ ผิดพลาดน้อยลง และหากมองในภาคงานบริการ ก็จะนำมาซึ่งการบริการที่เป็นเลิศ

2. Environmental Consciousness and Mindset หรือ การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตามที่เราเห็นเป็นข่าวในต่างประเทศอยู่ทุกวัน และเราเองก็เผชิญกับ PM 2.5 อย่างมากในปีนี้

เรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถือเป็น Key Agenda ที่สำคัญที่ทุกคนจะจับตามอง และจะกลายเป็นภาษาสากลที่ผู้บริโภคทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยจะตามหา

3. Operational Effectiveness and Value-based Investment หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในทุกมิติและประสิทธิภาพการลงทุน ด้วยการต่อสู้กับสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างถดถอยนั้น

- ด้านผู้ประกอบการ : ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการลงทุน ซึ่งตลอดทั้งปีนี้และปีหน้า เราคงเห็นโปรโมชั่นแบบลด แลก แจก แถม ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการทำกำไร จึงควรเร่งรีบเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น ด้านการทำการตลาดต้องมีกลยุทธ์และวิธีการที่ไม่ใช่การหว่านสื่ออีกต่อไป แต่ต้องหาลูกค้าให้เจอและสื่อสารถึงลูกค้าโดยตรง

- ด้านลูกค้า : การสร้าง Passive Income ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถดถอย การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า จะช่วยให้มีรายได้ที่เข้ามาอยู่ในกระเป๋าเราได้ทุกเดือน ด้วยการปล่อยให้เงินทำงานแทนเรา

4. Innovation and Development หรือ ศึกษาและค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเตรียมตัวรับกับเรื่องใหม่ๆที่จะเข้ามาเรื่อยๆ เช่น จาก Digitalization หรือการสื่อสารในโลกยุคไร้พรมแดนนี้

5. MuKeting (มูเก็ตติ้ง) เป็นที่แน่นอนว่าในยุคที่อะไรไม่แน่นอนและไม่สดใสนั้น “สายมู” ต้องมา สะท้อนพฤติกรรม ความเชื่อ และค่านิยมปัจจุบันของผู้บริโภค โดยเฉพาะ Gen Y Gen Z ซึ่งเราได้เห็นแล้วในช่วงที่ผ่านมาและจะได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้แน่นอน

6. Fast and Small Fish Approach จากข้อมูลแนวโน้มที่ผ่านมา เราจะเห็นโครงการที่มีขนาดเล็กลง เช่น ผู้ประกอบการอาจจะพัฒนาโครงการเหลือเพียง 300-400 ยูนิต เพื่อให้การลงทุนมีความคล่องตัวมากขึ้น และสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้ได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ดี การเลือกใช้กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น เพราะ Economy of Scale จะหายไป แต่สิ่งที่เป็นเรื่องดีในเชิงบวก คือ ที่ดินเล็กๆในเมือง จึงกลายเป็นเพชรเม็ดงาม และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าในเมืองในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น

7. Partnership and Joint-Venture หรือ การหาหุ้นส่วนร่วมลงทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการลงทุน เช่น บริษัท Agent ที่จะมาช่วยในเรื่องการขาย เป็นการได้ประโยชน์ร่วมกัน (Win-Win Approach)

8. Business Diversification เราจะเริ่มเห็นผู้ประกอบการขยายการลงทุนในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น โดยการปรับเปลี่ยน กระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในกลุ่มเดิม หรือ กลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น

9. New Community-based Segmentation ด้วยพัฒนาการทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะสังเกตุเห็นได้ว่าสังคมยอมรับ “ชุมชนในกลุ่มใหม่ๆ (Community)” มากขึ้น เช่น การยอมรับ LGBTQ ในสังคมไทย และยังมีคู่สมรสที่ไม่อยากมีบุตร (DINK : Double Income No Kids) การเข้าสู่ภาวะผู้สูงวัย ทำให้อาจต้องปรับแนวคิดเป็นการพัฒนาเพื่อ Senior Living พูดอย่างง่าย คือ ด้วยการเปิดรับทางสังคมที่กว้างขึ้นนี้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถมองหาช่องว่างทางการตลาดต่างๆ เพื่อสร้างสินค้าและบริการแบบเฉพาะกลุ่ม เฉพาะชุมชนได้มากขึ้น จึงเป็นโจทย์ที่ผู้ประกอบการควรต้องติดตาม ศึกษาตลอดเวลา

10. DEI Approach (Diversity, Equity, Inclusivity) คือ การเดินหน้าขององค์กรและทุกฝ่ายในการทำงานและดำเนินชีวิตในอนาคต กล่าวอีกมุม คือ การยอมรับความแตกต่างของกันและกัน เพื่อให้การดูแลอย่างดี โดยไม่ทอดทิ้งใครอยู่ด้านหลัง Diversity (การยอมรับความแตกต่าง) Equity (ดูแลทุกคนเสมอกัน) Inclusive (ไม่ทอดทิ้งใครอยู่ด้านหลัง) ทั้งในแง่ของลูกค้า ผู้อยู่อาศัย หรือแม้แต่พนักงานในองค์กรเอง ที่จะเป็นผู้ส่งต่อความสุขนั้นๆ ต่อยอดไปยังลูกค้า

และผมขอทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่ผมได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่นับถือว่า

If You Want to Go Fast , Go Alone.

If You Want to Go Far , Go Together.

เป็นวลีที่งดงามในตัวเองเสมอ จับมือไปด้วยกันเพื่อความยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมกันนะครับ