‘รับสร้างบ้าน’2แสนล้านปลุกตลาด! ชงรัฐลดหย่อนภาษีกระตุ้นคนปลูกบ้าน

‘รับสร้างบ้าน’2แสนล้านปลุกตลาด!  ชงรัฐลดหย่อนภาษีกระตุ้นคนปลูกบ้าน

ตลาดบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้าน ทั่วประเทศมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท! ถือเป็นหนึ่งในกำลังขับเคลื่อนเศรษกิจของประเทศ เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ในปี 2567 หลังปี 2566 ตลาด “ทรงตัว” ชงรัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นคนปลูกบ้าน

โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างในปี 2566 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจาก “ข้อจำกัด” ทางธุรกิจหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และความสามารถทางการเงินของผู้บริโภค รวมทั้งค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงจากต้นทุนสินค้าและอัตราดอกเบี้ย  มีผลต่อการวางแผนปลูกสร้างบ้านต้องชะลอการตัดสินใจออกไปแบบไม่มีกำหนด 

ทำให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2566 อยู่ในสถานการณ์ที่ “ทรงตัว”  โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดเติบโต  แต่ก็ยังไม่เกิดภาวะถดถอยมากนักเนื่องจากเป็นตลาดที่มีเรียลดีมานด์สูงมาก

หากพิจารณาจากตัวเลขศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC พบว่าทั้งระบบของตลาดนี้ เป็นบ้านสร้างเอง หรือ รับสร้างบ้านทั่วประเทศ มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนกว่าล้านบาทต่อปี


 

ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้จัดเก็บตัวเลขจากยอดเซ็นสัญญาสร้างบ้านจากสมาชิก ช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566  มูลค่ารวมอยู่ที่กว่า 9,000 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีบ้านที่สร้างกับบริษัทสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้านจะมีมูลค่า 12,500 ล้านบาทเท่ากับปี 2565 จากต้นปีคาดว่ามูลค่าปรับขึ้น 13,250 ล้านบาท

ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 กำลังซื้อขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิภาคมีอัตราการเติบโตที่ดี แสดงให้เห็นว่าความต้องการบ้านพักอาศัย (เรียลดีมานด์) ยังมีอยู่ จึงน่าจะเป็นแรงส่งให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากผู้บริโภคที่เริ่มรับรู้และหันมาใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น 

รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เช่นคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 ยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรับมือกับปัจจัยลบ เช่น อัตราดอกเบี้ย และ ความไม่แน่นอนของราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทที่จะมีผลต่อต้นทุนวัสดุก่อสร้าง รวมถึงค่าขนส่งได้

นอกจากนี้ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ร่วมกับอีก 6 องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย คณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อยื่นให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยทางสมาคมฯ ได้เตรียมข้อเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ทั้งนี้จะยึดเอามูลค่าการก่อสร้างบ้านตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ติดอากรแสตมป์ (อ.ส.4) กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปเป็นหลักฐานการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไปได้ในอัตราลดหย่อนล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง 

รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจรับสร้างบ้านได้ด้วย ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังเป็นการจูงใจให้บริษัทผู้รับสร้างบ้านที่ทำธุรกิจอยู่ทั่วประเทศและยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

“เชื่อมั่นว่ามาตรการขอลดหย่อนภาษี จะช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเองให้ตัดสินใจสั่งสร้างบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศโดยรวมเติบโตตามไปด้วย”